แปะก๊วย เป็นสมุนไพรจีนโบราณที่มีคุณประโยชน์กับร่างกาย แปะก๊วย มีถิ่นกำเนิดในภาคตะวันออกของจีน พบประวัติการใช้ แปะก๊วย ยาวนานถึง 300 ล้านปี ส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้สกัดเป็นยา บางประเทศเป็นยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ เช่น ในประเทศเยอรมัน แต่ในประเทศไทย สามารถหาซื้อมาใช้เองได้
แปะก๊วยสามารถใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
แปะก๊วย เป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีใบลักษณะเหมือนใบพัดลม ใบแปะก๊วยมักถูกใช้รับประทานเพื่อรักษา:
- ความจำผิดปกติ รวมถึง โรคอัลไซเมอร์
- อาการเป็นผลมาจากการลดการไหลเวียนของเลือดในสมอง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ:
- การสูญเสียความทรงจำ
- ปวดศีรษะ
- หูอื้อ
- เวียนศีรษะ
- ไม่มีสมาธิ
- อารมณ์แปรปรวน
- ความผิดปกติในการได้ยิน
- ระบบไหลเวียนของเลือดในร่างกายไม่ดี
- อาการปวดเมื่อเดินเท้า (อาการซีด)
- โรค Raynaud-s (การตอบสนองอย่างเจ็บปวดต่อความหนาวเย็นโดยเฉพาะในนิ้วมือและนิ้วเท้า)
- ความคิดผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับโรคลายม์
- เคมีบำบัด
- ภาวะซึมเศร้า
- บางคนใช้ ใบแปะก๊วย สำหรับ :
- ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ
- ย้อนปัญหาสมรรถภาพทางเพศ อาจเกิดขึ้นกับการรับยาซึมเศร้าบางชนิดที่เรียกว่า SSRIs
- แปะก๊วยใช้เพื่อแก้ปัญหาสายตา เช่น:
- ใบแปะก๊วยยังใช้ทานเพื่อรักษาความเหนื่อยล้าแบบเรื้อรัง (CFS)
- โรคจิตเภท
- ป้องกันภาวะซึมเศร้าในฤดูหนาว
- ป้องกันการป่วยจากการอยู่บนที่สูงและริ้วรอย
- ควบคุมกรดในกระเพาะอาหาร
- บำรุงตับและถุงน้ำดี
- ช่วยควบคุมความดันโลหิต
- ใช้ทานเพื่อเพื่อ:
- สารสกัดใบแปะก๊วยใช้ผลิตเป็นเครื่องสำอางค์ด้วย เมล็ดแปะก๊วยที่คั่วเอาเยื่อออกเป็นอาหารชั้นดีที่กินได้ในประเทศญี่ปุ่นและจีน
การออกฤทธิ์
ยังไม่มีงานวิจัยที่เพียงพอแสดงว่า แปะก๊วยออกฤทธิ์อย่างไร ควรปรึกษาเภสัชกรด้านสมุนไพรหรือแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่า แปะก๊วยช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตซึ่งอาจช่วยให้สมอง ตา หูและทำให้ขาทำงานได้ดีขึ้น ช่วยบรรเทาโรคอัลไซเมอร์
เมล็ดแปะก๊วยมีสารที่อาจฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในร่างกาย เมล็ดยังมีสารพิษที่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่นอาการลมชักฉับพลันและอาการเสียสติ
ข้อควรระวังและคำเตือน
สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้แปะก๊วย:
ปรึกษากับแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหาก:
- คุณกำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในขณะที่คุณให้นมบุตรนั้น คุณควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- คุณกำลังใช้ยาอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงยาที่คุณสามารถซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์
- คุณมีอาการแพ้สารในแปะก๊วย ยาอื่น ๆ หรืออาหารเสริมอื่น ๆ
- คุณมีโรคอื่น ๆ มีความผิดปกติหรือมีอาการที่แพทย์ระบุไว้
- คุณมีประวัติการแพ้อื่น ๆ เช่นแพ้อาหาร แพ้สีผสมอาหาร แพ้สารกันบูด หรือแพ้เนื้อสัตว์ต่างๆ
ข้อบังคับสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้น มีความเข้มงวดน้อยกว่ายาชนิดอื่น ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย การใช้ผลิตภัณฑ์นี้ต้องมีประโยชน์มากกว่าที่จะเสี่ยงใช้ ควรปรึกษาแพทย์ของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
แปะก๊วย ปลอดภัยหรือไม่?
แปะก๊วย ปลอดภัยสำหรับคนทั่วไปส่วนใหญ่ เมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสม สารสกัดใบแปะก๊วย อาจไม่ปลอดภัยเมื่อใช้ผ่านหลอดเลือดดำ (โดยวิธี IV) ในระยะสั้น จะใช้ได้อย่างปลอดภัยนานถึง 10 วัน เมล็ดคั่วหรือพืชแปะก๊วยดิบอาจไม่ปลอดภัยเมื่อนำมารับประทาน เมล็ดแปะก๊วยสดไม่ปลอดภัย และอันตราย ยังไม่มีข้อมูลน่าเชื่อถือเพียงพอว่าแปธก๊วยปลอดภัยหรือไม่หากใช้ทากับผิว ยังไม่ทราบดีว่าเมื่อใช้ทากับผิวแล้ว ปลอดภัยจริงหรือไม่
ข้อควรระวังและคำเตือน
การตั้งครรภ์และให้นมบุตร:
- กิงโกะอาจไม่ปลอดภัยเมือรับประทานในระหว่างตั้งครรภ์ อาจทำให้คลอดก่อนกำหนด หรืออาจมีเลือดออกมากระหว่างการคลอดหากใช้ในช่วงเวลานั้น ข้อมูลการใช้แปะก๊วยในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรมีไม่มากนัก เพื่อความปลอดภัยควรหลีกเลี่ยงการใช้
ทารกและเด็ก:
- สารสกัดจากใบแปะก๊วยอาจปลอดภัยเมื่อรับประทานเป็นเวลาสั้น ๆ งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการผสมผสานระหว่างสารสกัดจากใบแปะก๊วยรวมทั้งโสมอเมริกันอาจปลอดภัยในเด็กเมื่อใช้ในระยะสั้น อย่าปล่อยให้เด็กกินเมล็ดแปะก๊วย อาจเป็นอันตราย
- แปะก๊วยอาจทำให้อาการเลือดออกรุนแรงขึ้น หากคุณมีโรคเลือดออกอย่าใช้แปะก๊วย
- แปะก๊วยอาจมีผลต่อการรักษาโรคเบาหวาน หากคุณเป็นโรคเบาหวานให้ตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดของคุณอย่างใกล้ชิด
ชัก:
- มีความกังวลว่าแปะก๊วยอาจทำให้เกิดอาการชักฉับพลัน หากคุณเคยมีอาการชักอย่าใช้แปะก๊วย
บกพร่องของเอนไซม์ glucose-6-phosphate dehydrogenase (G6PD):
- แปะก๊วยอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางรุนแรงในคนที่มีเอนไซม์ G6PD deficiency จนกว่าจะทราบข้อมูลมากขึ้น ใช้อย่างระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการใช้แปะก๊วยหากคุณมีภาวะขาด G6PD
- การใช้แปะก๊วยอาจกระทบกับการตั้งครรภ์ ปรึกษาการใช้แปะก๊วยกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณหากคุณกำลังพยายามตั้งครรภ์
- แปะก๊วยอาจชะลอการแข็งตัวของเลือด อาจทำให้เลือดออกมากขึ้นในระหว่างและหลังการผ่าตัด หยุดใช้แปะก๊วยอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนกำหนดการผ่าตัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากแปะก๊วย แปะก๊วยอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ปวดท้อง เวียนศีรษะ ท้องผูก ใจสั่นและอาการแพ้ของผิวหนัง มีข้อสงสัยว่าสารสกัดใบแปะก๊วยอาจเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งตับและไทรอยด์ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เกิดขึ้นเฉพาะในสัตว์ที่ได้รับแปะก๊วยปริมาณมาก ไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะทราบว่ามันเกิดขึ้นในคนได้หรือไม่
ผลแปะก๊วย และเยื่อ สามารถทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ผิวหนังอย่างรุนแรงและการระคายเคืองของเยื่อเมือก อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้ที่แพ้ไม้เลื้อยพิษ โอ๊กพิษ ซูค็อก เปลือกมะม่วงหรือน้ำมันมะม่วงหิมพานต์
มีข้อสงสัยว่าสารสกัดใบแปะก๊วยอาจเพิ่มความเสี่ยงของการช้ำและเลือดออก แปะก๊วยทำให้เลือดจาง และลดความสามารถในการเกิดลิ่มเลือด มีแค่บางคนที่ใช้แปะก๊วยจากอาการเลือดออกทางตาและเข้าไปในสมอง และมีเลือดออกมากเกินไปหลังผ่าตัด สารสกัดใบแปะก๊วยอาจทำให้เกิดอาการแพ้ทางผิวหนังในบางคน
การกินเมล็ดคั่วมากกว่า 10 เมล็ดต่อวันอาจทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก การเต้นของชีพจรอ่อนแรง ชักเสียสติและช็อก การรับประทานเมล็ดแปะก๊วยสดอาจทำให้เกิดอาการชักและการเสียชีวิตได้
ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีผลข้างเคียง อาจมีผลข้างเคียงที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา ควรปรึกษาแพทย์
อันตรกริยาต่อยาอื่น
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อใช้แปะก๊วย แปะก๊วยอาจมีปฏิกิริยาร่วมกับยาที่ใช้ร่วมอยู่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้ยา
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจมีปฏิกิริยาร่วมกับยา:
1) ไอบูโพรเฟ่น (Ibuprofen)
แปะก๊วยสามารถทำให้เลือดแข็งตัวได้ไอบูโพรเฟ่น สามารถชะลอการแข็งตัวของเลือดได้ การใช้แปะก๊วยกับไอบูโพรเฟ่น ทำให้เลือดแข็งตัวมากและเพิ่มโอกาสเกิดรอยช้ำและมีเลือดออก
2) ยาชะลอการแข็งตัวของเลือด
แปะก๊วยสามารถลดการแข็งตัวของเลือดได้ การใช้แปะก๊วยควบคู่ไปกับยาชะลอการแข็งตัวของเลือดอาจเพิ่มโอกาสที่จะมีรอยฟกช้ำและมีเลือดออก
ยาชะลอการแข็งตัวของเลือด ได้แก่:
- แอสไพริน
- Clopidogrel (Plavix)
- Diclofenac (Voltaren, Cataflam)
- ไอบูโพรเฟ่น (Advil, Motrin)
- Naproxen (Anaprox, Naprosyn)
- Dalteparin (Fragmin)
- Enoxaparin (Lovenox)
- Heparin
- Warfarin (Coumadin)
3) Warfarin (Coumadin)
Warfarin (Coumadin) ใช้ในการชะลอการแข็งตัวของเลือด แปะก๊วยอาจการชะลอการแข็งตัวของเลือดเช่นกัน การใช้แปะก๊วยพร้อมกับ warfarin (Coumadin) อาจเพิ่มโอกาสเกิดรอยช้ำและมีเลือดออก ตรวจสอบให้ดีว่าได้ตรวจเลือดเป็นประจำ ควรปรับเปลี่ยนปริมาณการใช้ warfarin (Coumadin)
4) Alprazolam (Xanax) มีปฏิกริยากับแปะก๊วย
การกินแปะก๊วยควบคู่ไปกับ alprazolam อาจทำให้ผลของ alprazolam ลดลง
5) Buspirone
แปะก๊วยส่งผลต่อสมอง Buspirone (BuSpar) มีผลต่อสมองเช่นกัน เคยมีคนรู้สึกตื่นตัวมากเกินไป เมื่อใช้แปะก๊วย Buspiron (BuSpar) และยาอื่น ๆ แต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าการปฏิกริยานี้เกิดจากแปะก๊วย หรือยาอื่น ๆ
6) Efavirenz
Efavirenz ใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี การรับประทานยา efavirenz ร่วมกับสารสกัดจากแปะก๊วยอาจทำให้ผลของ efavirenz ลดลง ก่อนที่จะใช้แปะก๊วยให้ปรึกษาผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณหากคุณกำลังใช้ยาสำหรับรักษาโรคเอชไอวี
7) Fluoxetine
การใช้แปะก๊วยควบคู่กับสาโทSt. John-s สมุนไพรอื่น ๆ และ fluoxetine (Prozac) อาจทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิด กระวนกระวายใจ ตื่นเต้น เรียกว่า โรค hypomania ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อใช้แปะก๊วยร่วมกับfluoxetine (Prozac) ทำให้เกิดอาการวิตกกังวลหรือไม่
8) ยาที่เปลี่ยนไปตามตับ (Cytochrome P450 1A2 (CYP1A2) substrates)
ยาบางตัวมีการเปลี่ยนแปลงและถูกทำลายโดยตับ แปะก๊วยอาจชะลอการทำลายยาบางชนิดของตับได้ การใช้แปะก๊วยควบคู่กับยาบางชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยตับอาจเพิ่มผลข้างเคียงของยาบางชนิด ก่อนใช้แปะก๊วยควรพูดคุยกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณหากคุณใช้ยาที่เปลี่ยนโดยตับ
ยาบางส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยตับ ได้แก่:
- Clozapine (Clozaril)
- Cyclobenzaprine (Flexeril)
- Fluvoxamine (Luvox)
- Haloperidol (Haldol)
- Imipramine (Tofranil)
- Mexiletine (Mexitil)
- Olanzapine (Zyprexa)
- Pentazocine (Talwin)
- Propranolol (Inderal)
- Tacrine (Cognex)
- Theophylline
- Zileuton (Zyflo)
- Zolmitriptan (Zomig)
9) ยาเปลี่ยนไปตามตับ ( Cytochrome P450 2C19 (CYP2C19) substrates)
บางส่วนของยาเหล่านี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยตับ ได้แก่:
- Amitriptyline (Elavil)
- Carisoprodol (Soma)
- Citalopram (Celexa)
- Diazepam (Valium)
- Lansoprazole (Prevacid)
- Omeprazole (Prilosec)
- Phenytoin (Dilantin)
- Warfarin (Coumadin)
10) ยาเปลี่ยนไปตามตับ (Cytochrome P450 2C9 (CYP2C9) substrates)
บางส่วนของยาเหล่านี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยตับ ได้แก่:
- Amitriptyline (Elavil)
- Diazepam (Valium)
- Zileuton (Zyflo)
- Celecoxib (Celebrex)
- Diclofenac (Voltaren)
- Fluvastatin (Lescol)
- Glipizide (Glucotrol)
- Ibuprofen (Advil, Motrin)
- Irbesartan (Avapro)
- Losartan (Cozaar)
- Phenytoin (Dilantin)
- Piroxicam (Feldene)
- Tamoxifen (Nolvadex)
- Tolbutamide (Tolinase)
- Torsemide (Demadex)
- Warfarin (Coumadin)
11) ยาเปลี่ยนไปตามตับ (Cytochrome P450 2D6 (CYP2D6))
บางส่วนของยาเหล่านี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยตับ ได้แก่:
- Amitriptyline (Elavil)
- Clozapine (Clozaril)
- Codeine
- Desipramine (Norpramin)
- Donepezil (Aricept)
- Fentanyl (Duragesic)
- Flecainide (Tambocor)
- Fluoxetine (Prozac)
- Meperidine (Demerol)
- Methadone (Dolophine)
- Metoprolol (Lopressor, Toprol XL)
- Olanzapine (Zyprexa)
- Ondansetron (Zofran)
- Tramadol (Ultram)
- Trazodone (Desyrel)
12) ยาเปลี่ยนโดยตับ (Cytochrome P450 3A4 (CYP3A4) substrates)
ยาบางชนิดที่เปลี่ยนโดยตับ ได้แก่:
- Lovastatin
- Clarithromycin
- Cyclosporine
- Diltiazem
- Estrogens
- Indinavir
- Triazolam
13) ยาสำหรับโรคเบาหวาน (ยาต้านโรคเบาหวาน)
ยาโรคเบาหวานใช้ในการลดน้ำตาลในเลือด แปะก๊วยอาจเพิ่มหรือลดอินซูลินและน้ำตาลในเลือดในคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 การใช้แปะก๊วยควบคู่กับยาเบาหวานอาจลดประสิทธิภาพยาของคุณ ตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดของคุณอย่างใกล้ชิด อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงขนาดการใช้ยาโรคเบาหวาน
ยาบางชนิดที่ใช้สำหรับโรคเบาหวาน ได้แก่:
- Glimepiride
- Glyburide
- Insulin
- Pioglitazone
- Rosiglitazone
- Chlorpropamide
- Glipizide
- Tolbutamide
14) ยาที่เพิ่มโอกาสของอาการชัก
ยาบางชนิดเพิ่มโอกาสที่จะมีอาการชัก การแปะก๊วยอาจทำให้เกิดอาการชักในบางคน การใช้ยาที่เพิ่มโอกาสการชักร่วมกับแปะก๊วย อาจเพิ่มความเสี่ยงของการชักได้ ห้ามใช้แปะก๊วยร่วมกับยาที่อาจทำให้เกิดอาการชัก
ยาที่ทำให้เสี่ยงต่ออาการชัก ได้แก่:
- Anaesthesia (propofol)
- Antiarrhythmics (mexiletine)
- Antibiotics (amphotericin, penicillin, cephalosporins, imipenem)
- Antidepressants (bupropion)
- Antihistamines (cyproheptadine)
- Immunosuppressants (cyclosporine)
- Narcotics (fentanyl)
- Stimulants (methylphenidate)
- Theophylline
15) ยาที่ใช้ในการป้องกันอาการชัก (Anticonvulsants)
ยาที่ใช้ในการป้องกันการชักจะส่งผลต่อสารเคมีในสมอง แปะก๊วยอาจส่งผลต่อสารเคมีในสมองเช่นกัน โดยแปะก๊วยอาจลดประสิทธิภาพของยาที่ใช้ในการป้องกันอาการชัก
ยาบางชนิดที่ใช้ในการป้องกันอาการชัก ได้แก่:
- Phenobarbital
- Primidone (Mysoline)
- Valproic acid (Depakene)
- Gabapentin (Neurontin)
- Carbamazepine (Tegretol)
- Phenytoin (Dilantin)
16) Trazodone
Trazodone มีผลต่อสารเคมีในสมอง แปะก๊วยอาจส่งผลต่อสารเคมีในสมองเช่นกัน การใช้ trazodone (Desyrel) ร่วมกับแปะก๊วยอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงในสมอง เคยมีคนใช้ trazodone ร่วมกับแปะก๊วยแล้วเกิดอาการโคม่า อย่าใช้แปะก๊วยหากคุณกำลังใช้ยา trazodone (Desyrel)
17) Hydrochlorothiazide
Hydrochlorothiazide ใช้เพื่อช่วยลดอาการบวมและควบคุมความดันโลหิต การใช้ Hydrochlorothiazide ร่วมแปะก๊วยอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ก่อนที่จะใช้แปะก๊วย กรุณาปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพของคุณ
18) Omeprazole (Prilosec)
Omeprazole (Prilosec) เกิดการเปลี่ยนแปลงและสลายโดยตับ แปะก๊วยอาจเพิ่มความรวดเร็วในการสลายของ omeprazole (Prilosec) ในตับ การใช้แปะก๊วยร่วมกับกับ omeprazole (Prilosec) อาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของ omeprazole (Prilosec) ลดลง
ขนาดยา
ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ
ขนาดปกติสำหรับใช้แปะก๊วย
ขนาดยาดังกล่าวผ่านการศึกษาจากงานวิจัย :
การรับประทาน :
อาการวิตกกังวล:
- สารสกัดจากใบแปะก๊วยที่เรียกว่า EGb 761 รับประทานปริมาณ 80 มิลลิกรัม หรือ 160 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้งเป็นเวลา 4 สัปดาห์
สำหรับภาวะสมองเสื่อม:
- สารสกัดใบแปะก๊วย (EGb 761) รับประทานปริมาณวันละ 120-240 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 2 - 3 ครั้ง
ความเสียหายจากจอประสาทตาที่เกิดจากโรคเบาหวาน:
- รับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วยที่เรียกว่า EGb 761 รับประทานปริมาณวันละ 120 มิลลิกรัม เป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 6 เดือน
ฟื้นฟูภาวะทางจิต:
- มีการใช้สารสกัดจากแปะก๊วยขนาด 240-600 มิลลิกรัม เพียงครั้งเดียว
- สารสกัดจากแปะก๊วยที่เรียกว่า EGb 761 รับประทานปริมาณวันละ 120-240 มิลลิกรัม เป็นเวลา 4 สัปดาห์ถึง 4 เดือน
- สารสกัดจากใบแปะก๊วยที่เรียกว่า LI 1370 รับประทาน ปริมาณ 120-300 มิลลิกรัม เป็นเวลาสองวัน
- นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่สกัดแปะก๊วยและโสม Panax (Ginkoba M / E) ร่วมกัน รับประทานปริมาณ 60-360 มิลลิกรัมเป็นเวลา 12 สัปดาห์
ความเจ็บปวดจากการเดินเนื่องจากระบบไหลเวียนไม่ดี (claudication, peripheral vascular disease):
- ใช้เวลาในการสารสกัดใบแปะก๊วยวันละ 120-240 มิลลิกรัมต่อวัน (EGb 761) หากแบ่งปริมาณยาเป็นวันละ 2 – 3 ครั้ง สามารถรับประทานได้ถึง 6.1 ปี ปริมาณยาที่ให้ต่อครั้งมากขึ้นจะให้ประสิทธิภาพมากกว่า
อาการเวียนศีรษะ:
- สารสกัดจากใบแปะก๊วยที่เรียกว่า EGb 761 รับประทานปริมาณ 160 มิลลิกรัมวันละครั้งหรือแบ่งเป็น 2 ครั้งทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน
สำหรับโรค premenstrual (PMS):
- สารสกัดจากใบแปะก๊วยที่เรียกว่า EGb 761 รับประทานปริมาณ 80 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ของรอบเดือนจนกว่าจะถึงวันที่ 5 ของรอบถัดไป
- สารสกัดจากใบแปะก๊วยขนาด 40 มิลลิกรัมเรียกว่า Ginko T.D. ทานวันละ 3 ครั้งทุกวันตั้งแต่วันที่ 16ของรอบเดือนจนกว่าจะถึงวันที่ 5 ของรอบถัดไป
- การรักษาโรคต้อหินใช้สารสกัดจากใบแปะก๊วยขนาด 120 - 160 มิลลิกรัม แบ่งปริมาณรับประทานวันลั 2 – 3 ครั้งเป็นเวลา 3 ปี
- สำหรับโรคจิตเภท สารสกัดจากใบแปะก๊วย ที่เรียกว่า EGb 761 (Yi Kang Ning, Yang Zi Jiang Pharmaceuticals Ltd. , Jiangsu, China) ทานปริมาณ 120-360 มิลลิกรัม ใช้เป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 8-16 สัปดาห์
ความผิดปกติของการเคลื่อนไหวร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมได้ :
- ใช้สารสกัดจากใบแปะก๊วยที่เรียกว่า EGb 761 รับประทานปริมาณ 80 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้งเป็นเวลา 12 สัปดาห์
- สำหรับการใช้ ทุกอย่างให้เริ่มในปริมาณที่น้อยกว่าไม่เกิน 120 มก. ต่อวัน เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงทางเดินอาหาร (GI) เพิ่มขึ้น เป็นปริมาณที่สูงขึ้นตามความจำเป็น
- การให้ยาอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสูตรเฉพาะที่ใช้ นักวิจัยส่วนใหญ่ใช้สารสกัดจากใบแปะก๊วยมาตรฐานที่ได้มาตรฐาน บางคนใช้เวลา 5 มิลลิลิตรของมาตรฐาน 1:5 tincture ของ ginkgo หยาบน้ำมันดิบวันละสามครั้ง
- คุณควรหลีกเลี่ยงส่วนหยาบของพืชแปะก๊วย อาจมีระดับอันตรายของสารเคมีที่เป็นพิษที่พบในเมล็ดพันธุ์ของพืชและที่อื่น ๆ สารเคมีเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง
- ปริมาณการใช้สมุนไพรชนิดนี้อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ปริมาณที่คุณใช้ขึ้นอยู่กับอายุสุขภาพและเงื่อนไขอื่น ๆ อาหารเสริมไม่ปลอดภัยเสมอไป
- โปรดปรึกษาแพทย์ของคุณเกี่ยวกับปริมาณที่เหมาะสม
แปะก๊วยมีจำหน่ายในรูปแบบใดบ้าง?
แปะก๊วยอาจมีอยู่ในรูปแบบต่อไปนี้:
- แคปซูลจากสารสกัดแปะก๊วย
- ผงแปะก๊วย
- แปะก๊วยสกัดแบบน้ำ
- ชาแปะก๊วย
HerbWisdom. (2020). Ginkgo Biloba Benefits. Accessed 29 March 2020
Medical News Today. (2020). Ginkgo biloba: Health benefits, uses, and risks.Accessed 29 March 2020
WebMD. (2020). GINKGO.Accessed 29 March 2020
ตะไคร้เป็นพืชล้มลุกจำพวกหญ้า ขึ้นอยู่รวมเป็นกอ อายุหลายปี สูง 1 เมตร ลำต้นตั้งตรง มีข้อและปล้องสั้น ๆ ค่อนข้างแข็ง ลำต้นส่วนที่อ่อนมีใบเรียงซ้อนกันแน่นมาก
จัดอยู่ในวงศ์ผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE) สมุนไพรบัวบก มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ) ผักแว่น (ภาคใต้) กะโต่ เป็นต้น จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบเอเชีย
หรือโกจิเบอร์ริ (GOJI BERRY) เป็นสมุนไพรที่ถูกค้นพบโดยชาวหิมาลายัน4000ปีก่อนคริสตกาล เพิ่งตื่นรู้และแพร่หลายในป้จจุบัน ชาวจีน ทิเบตและอินเดียนำไปใช้ปรุงยา