ผู้ป่วยที่มีอาการนิ้วล็อคจะมีอาการนิ้วยึดอยู่ในท่างอ หรือที่เรียกว่า ภาวะปลอกหุ้มเอ็นและกล้ามเนื้อที่ใช้ในการงอนิ้วมืออักเสบ (Stenosing Tenosynovitis) ภาวะนี้เกิดขึ้นจากการอักเสบที่ทำให้ช่องว่างในปลอกเส้นเอ็นของนิ้วมือนั้นตีบแคบลง จึงทำให้นิ้วล็อคในท่างอเมื่อมีอาการรุนแรงขึ้น
อะไรคือสัญญาณบ่งบอกอาการนิ้วล็อค
ผู้ป่วยที่มีอาการนิ้วล็อคจะมีสัญญาณบ่งบอก ดังต่อไปนี้
- เกิดอาการข้อฝืดโดยเฉพาะในตอนเช้า
- รู้สึกว่าได้ยินเสียงดังกึกเมื่อขยับนิ้ว
- กดแล้วเจ็บบริเวณโคนนิ้วมือ
- นิ้วล็อคทันทีเมื่อเหยียดนิ้วกระทันหัน
- นิ้วติดอยู่ในท่างอจนไม่สามารถเหยียดนิ้วออกเองได้
นิ้วล็อคเกิดที่นิ้วใดก็ได้ ที่มือทั้งสองข้าง มักแสดงอาการบ่งบอกในตอนเช้า และเกิดขึ้นได้เมื่อต้องกำสิ่งของแน่นๆ หรือเมื่อเหยียดนิ้วออก
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์
ผู้ป่วยที่มีอาการข้อต่อนิ้วแสบร้อนหรืออักเสบควรพบแพทย์ เนื่องจากอาการดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งบอกอาการติดเชื้อ หรือในกรณีข้อต่อนิ้วเกิดอาการฝืด ชา หรือปวด แนะนำให้พบแพทย์เพื่อเข้ารับคำปรึกษาเช่นกัน
อะไรคือสาเหตุของอาการนิ้วล็อค
อาการนิ้วล็อคจะเกิดขึ้นเมื่อปลอกหุ้มเอ็นตรงนิ้วเกิดการเสียดสีและอักเสบ ทำให้นิ้วนั้นขยับได้ไม่ดี และหากไม่ได้รับการรักษา ปลอกหุ้มเอ็นที่เกิดการเสียดสีนั้นจะหนาขึ้นจนกลายเป็นพังผืดและเกิดปุ่มที่บริเวณเส้นเอ็น
อะไรคือปัจจัยที่เสี่ยงที่ก่อให้เกิดอาการนิ้วล็อค
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการนิ้วล็อคนั้นแตกต่างกันออกไป เช่น
- ผู้ป่วยทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ต้องใช้การเกร็งนิ้วมือซ้ำๆ เป็นระยะเวลานาน
- ปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน (Diabetes) หรือ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
- เพศ อาการนิ้วล็อคมักพบได้ทั่วไปในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
- ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดโรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)
แพทย์วินิจฉัยอาการนิ้วล็อคได้อย่างไร
แพทย์อาจเลือกวิธีการดังต่อไปนี้เพื่อช่วยวินิจฉัยอาการนิ้วล็อค เช่น
- แพทย์อาจวินิจฉัยอาการนิ้วล็อคจากประวัติการรักษาของผู้ป่วยและการตรวจร่างกาย โดยในการตรวจร่างกายนั้น แพทย์อาจให้ผู้ป่วยลองกำมือแบมือ เพื่อตรวจดูว่าผู้ป่วยรู้สึกเจ็บบริเวณใด สามารถเคลื่อนไหวมือได้ปกติหรือไม่ และอาการนิ้วล็อคเกิดขึ้นบริเวณใด
- นอกจากนี้ แพทย์อาจคลำฝ่ามือผู้ป่วยเพื่อดูว่าเกิดก้อนที่มือหรือไม่
แพทย์รักษาอาการนิ้วล็อคได้อย่างไร
แพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ขึ้นอยู่กับระดับและความรุนแรง เช่น
- การรักษาด้วยยา อาทิ การให้ยาที่ไม่มีสเตียรอยด์ต้านอาการอักเสบ เพื่อบรรเทาอาการปวดเป็นหลัก
- การรักษาด้วยการวิธีการบำบัด อาทิ การให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงกิจกรรมในลักษณะที่ต้องเกร็งมือซ้ำๆ หรือให้ผู้ป่วยใส่อุปกรณ์ดามในท่าเหยียดนิ้วในช่วงกลางคืนอย่างน้อยหกสัปดาห์ หรือแนะนำให้ออกกำลังกายยืดเส้น
- การศัลยกรรมและกระบวนการทางการแพทย์อื่นๆ อาทิ การฉีดสารสเตียรอยด์ การผ่าตัดโดยใช้เครื่องมือพิเศษเจาะผ่านผิวหนัง (Percutaneous Release) และการผ่าตัดแบบเปิดเพื่อเปิดส่วนที่ตีบในปลอกหุ้มเอ็น
การเตรียมความพร้อมก่อนพบแพทย์
ผู้ป่วยควรเตรียมข้อมูลให้พร้อมก่อนการนัดหมาย อาทิ ข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาณบ่งบอกอาการนิ้วล็อค ยาที่ผู้ป่วยใช้ ตลอดจนเตรียมคำถามที่ต้องการได้รับคำแนะนำจากแพทย์
สิ่งที่อาจเกิดขึ้นเมื่อพบแพทย์
แพทย์อาจซักถามผู้ป่วยหลายคำถาม เช่น อาการเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ มีความรุนแรงแค่ไหน ในครอบครัวมีใครเป็นโรคนี้หรือไม่ เป็นต้น
ประวัติเจ้าของบทความ
เจนจิรา จิตรไพบูลย์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เอกภาษาอังกฤษ ม.เกษตรศาสตร์; ปริญญาโท เอกภาษาอังกฤษธุรกิจเพื่อการสื่อสารนานาชาติ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ; กำลังศึกษาปริญญาเอก เอกภาษาอังกฤษศึกษา ม.ธรรมศาสตร์; ผ่านการอบรมการแปลของสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย ได้แก่ การแปลให้เก่ง, บรรณาธิการต้นฉบับแปล, และการแปลบทพากย์; และของชมรมนักแปลและล่ามอาชีพในหลักสูตรการแปลเอกสารจากภาษาอังกฤษเป็นไทย (Intermediate Level)
ปัจจุบัน เจนจิรา เป็นอาจารย์ประจำ นักแปลอิสระเอกสารการตลาดและการประชาสัมพันธ์ และเป็นนักแปลอาชีพสายกฎหมายและการแพทย์