โรคงูสวัด โดยชื่อภาษาอังกฤษ คือ Shingles หรือ Herpes zoster เป็นตุ่มบริเวณผิวหนังที่มีอาการเจ็บและปวดแสบ เกิดจากการรับเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella Zoster Virus: VZV) โดยจะเกิดขึ้นเป็นแนว หรือเป็นบริเวณเล็กๆ เพียงซีกหนึ่งซีกใดของใบหน้าหรือร่างกาย
สาเหตุของโรค
โดยปกติโรคงูสวัดจะพบได้บ่อยในผู้สูงอายุและผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เนื่องจากความเครียด การบาดเจ็บ การใช้ยาบางชนิด หรือสาเหตุอื่นๆ และคนส่วนใหญ่เมื่อหายจากโรคงูสวัดแล้วมักจะไม่กลับมาเป็นอีก แต่อย่างไรก็ตามสามารถกำเริบขึ้นมาได้หากได้รับเชื้อซ้ำ โดยเชื้อโรคงูสวัดเป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส (Chickenpox) หากได้รับครั้งแรกจะทำให้เป็นโรคอีสุกอีใส เมื่อหายแล้วเชื้อจะไปซ้อนที่ปมประสาท เมื่อร่างกายอ่อนแอและภูมิคุ้มกันที่ต่ำลง จะทำให้เชื้อกลับมากำเริบอีกครั้ง โดยสาเหตุยังไม่เป็นที่ทราบชัดเจนว่าจะมาจากโรค ความเครียดและอายุที่สูงขึ้น หรือยาบางชนิดก็อาจจะไปกระตุ้นให้เชื้อกำเริบได้ ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นโรคงูสวัดเท่านั้นไม่ใช่โรคอีสุกอีใส
(อ้างอิงจาก webmd.com)
อาการของโรคงูสวัด
ลักษณะอาการ:
- ผื่นเป็นแถบตามแนวเส้นประสาท 1 เส้นหรือมากกว่า
- ผื่นเกิดขึ้นเพียงด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย
- ผื่นจะเริ่มต้นเป็นตุ่มแดง และกลายเป็นตุ่มน้ำใส สุดท้ายจะแห้งตกสะเก็ด (ลักษณะคล้ายอีสุกอีใส)
- หลัง หน้าอก และหน้าท้องเป็นจะเป็นบริเวณที่พบได้บ่อยที่สุด
- ผื่นมักจะไม่ไหม้หรือคันในเด็ก (ตรงกันข้ามกับผู้ใหญ่)
- เด็กไม่มีไข้หรือรู้สึกไม่สบาย
- เด็กเคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน
- หากพบในเด็กว่ามีอาการแตกต่างจากนี้ ให้รีบพบแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือ
วิธีการรักษา
การบรรเทาอาการ - เด็กส่วนใหญ่จะไม่พบอาการ แต่หากพบว่ามีอาการปวด ให้ทานยาอะเซตามิโนเฟนหรือ ยาไอบูโพรเฟนเท่าที่จำเป็น งดทานยาแอสไพรินในผู้ป่วยโรคงูสวัดซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคเรย์ซินโดรม(Reye'syndrome) หลีกเลี่ยงการเกาและแกะผื่นจากอาการคัน และไม่จำเป็นต้องใช้ครีมในการบรรเทาอาการ
กรณีเกิดโรคติดต่อ - เด็กที่เป็นโรคงูสวัดสามารถแพร่เชื้ออีสุกอีใสให้ผู้อื่นได้ การแพร่เชื้อเกิดขึ้นโดยการสัมผัสผื่นงูสวัด แม้ว่าโอกาสที่จะติดเชื้อไวรัสได้น้อยมากกับเด็กที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใส ซึ่งเด็กที่เป็นโรคงูสวัดควรงดเว้น ไปโรงเรียนเป็นเวลา 7 วัน จนกว่าผื่นโรคงูสวัดจะตกสะเก็ดและลอกออก อย่างไรก็ตาม เด็กหรือผู้ใหญ่ที่ไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสควรหลีกเลี่ยงการไปพบเด็กที่เป็นโรคงูสวัด
อาการที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องไปพบกุมารแพทย์
(1) โทรหากุมารแพทย์ในช่วงเวลาทำการหาก:
- มีอาการเจ็บปวดหรือคันมากจากผื่น
- เกิดผื่นขึ้นบริเวณใกล้ดวงตา
- หากคุณคิดว่าลูกของคุณต้องการพบแพทย์
(2) โทรหากุมารแพทย์ในภายหลังหาก:
- เป็นผื่นบนผิวหนังนานกว่า 14 วัน
- คุณรู้สึกว่าลูกของคุณมีอาการแย่ลง
- ลูกของคุณมีอาการนอกเหนือจากข้างต้นให้โทรปรึกษากุมารแพทย์ทันที
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรหลีกเลี่ยงอย่างไร
วัคซีนโรคงูสวัดเหมือนกับวัคซีนอีสุกอีใส คือ ไม่สามารถรับประกันว่าผู้ที่ฉีดแล้วจะไม่กลับมาเป็นโรคงูสวัดซ้ำอีก แต่วัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงของโรคและความเสี่ยงที่จะทำให้มีอาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัด (postherpetic neuralgia, PHN) อย่างไรก็ตาม วัคซีนโรคงูสวัดจะใช้สำหรับการป้องกันโรคเท่านั้น และไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ โดยวัคซีนจะเป็นวัคซีนเชื้อเป็นและไม่เหมาะกับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่อ่อนแอ
(อ้างอิงจาก mayoclinic.com)
กุลริศา หมอนสอาด "ปัจจุบัน เป็นนักแปลและล่ามอาชีพสายกฎหมายและการแพทย์"