เช็คสุขภาพ : ที่นี่ ... มีคำตอบให้ทุกคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของท่าน
หน้าแรก / บทความ / ธาตุเหล็ก (Iron)
โดย :
ทบทวนบทความโดย :
ธาตุเหล็ก (Iron)

สรรพคุณ

ธาตุเหล็กคือแร่ธาตุชนิดหนึ่ง  ธาตุเหล็กในร่างกายมักพบได้ในฮีโมโกบินของเม็ดเลือดแดงและในไมโอโกลบินของเซลกล้ามเนื้อ ธาตุเหล็กเป็นสิ่งธาตุเป็นในการลำเอียงออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกาย

ผู้คนทั่วไปใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมธาตุเหล็กเพื่อป้องกันและรักษาภาวะขาดธาตุเหล็กของร่างกายและภาวะโลหิตจางเนื่องจากการขาดธาตุเหล็ก

ธาตุเหล็กยังใช้สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพทางกาย รักษาโรคสมาธิสั้น แผลพุพอง โรคโครห์น  โรคซึมเศร้าและภาวการณ์มีบุตรยาก

ธาตุเหล็กยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้หญิง เพื่อใช้ทดแทนการสูญเสียธาตุเหล็กอย่างมากเมื่อมีประจำเดือน

กลไกการออกฤทธิ์

เนื่องจากยังมีการศึกษาเกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนี้ไม่มากพอ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์ อย่างไรก็ดี อย่างที่ทราบกันดีว่า ธาตุเหล็กสามารถช่วยให้เม็ดเลือดแดงสามารถลำเอียงออกซิเจนจากปอดเพื่อกระจายไปทั่วร่างกายได้

 

ข้อควรระวังและคำเตือน

ควรปรึกษาหรือพบกับแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพร ถ้าอยู่ในอาการหรือลักษณะดังต่อไปนี้:

  • หญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในระหว่างการมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรจึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • อยู่ในระหว่างรับประทานยาชนิดอื่น รวมไปถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา
  • หากเคยมีประวัติแพ้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งของธาตุเหล็กหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ
  • หากมีอาการเจ็บป่วย ความผิดปกติ หรือสภาพทางการแพทย์อื่นๆ
  • หากเคยมีประวัติการแพ้ต่างๆ แพ้อาหาร แพ้สีผสมอาหาร แพ้สารกันบูด หรือแพ้เนื้อสัตว์

 

ข้อกำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่ายาชนิดอื่นๆ จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องศึกษาให้มากเพื่อความปลอดภัยในการใช้ คุณประโยชน์ของการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรนี้ต้องมีมากกว่าความเสี่ยงก่อนการใช้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์

 

ความปลอดภัย

ธาตุเหล็กปลอดภัยสำหรับการรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ธาตุเหล็กมีจำหน่ายในหลากหลายรูปแบบ เช่น  ยาเฟอรัส ซัลเฟต ยาเฟอรัส กลูโคลเนต ยาเฟอรัส ฟูมาเนตและอื่นๆ ยาบางชนิดจะประกอบไปด้วย Polysaccharide-iron complex (นิเฟอเร็กซ์-150) ซึ่งมีการอ้างว่าก่อให้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด แต่ยังไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้เพื่อพิสูจน์คำกล่าวอ้างนี้

ผลิตภัณฑ์จากธาตุเหล็กบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์เหล่านี้ร่างกายยังสามารถดูดซึมได้ไม่มาก

ผลิตภัณฑ์ธาตุเหล็กชนิดน้ำส่งผลให้ฟันดำ

การรับประทานธาตุเหล็กในปริมาณมากอาจไม่ปลอดภัยโดยเฉพาะกับเด็ก ธาตุเหล็กมีฤทธิ์เป็นพิษที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ในเด็ก ปริมาณยา 60 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (น้ำหนักตัว) อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ พิษของธาตุเหล็กอาจส่งผลให้เกิดปัญหาร้ายแรงได้หลายอย่าง เช่น อาการเจ็บปวดรุนแรงในกระเพาะอาหารและลำไส้ ตับวาย ความดันโลหิตลดลงอย่างรุนแรง และเสียชีวิต

มีข้อกังวลเกี่ยวกับการรับประทานธาตุเหล็กในปริมาณมาก อาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ มีงานวิจัยพบว่าผู้ที่รับประทานธาตุเหล็กในปริมาณมาก โดยเฉพาะที่มาจากอาหาร เช่น เนื้อแดง อาจทำให้เป็นโรคหัวใจได้ สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานระดับ 2 นั้น งานวิจัยนี้ถือว่ามีโอกาสเป็นจริง แต่ก็ยังเป็นข้อสงสัยที่ยังคงถกเถียงกันอยู่ เนื่องจากบางงานวิจัยได้กล่าวว่าธาตุเหล็กไม่สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจได้

หญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร: ธาตุเหล็กอาจปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ผู้หญิงสามารถกักเก็บธาตุเหล็กไว้ในร่างกายโดยปริมาณธาตุเหล็กที่เพียงพอในแต่ละวันนั้นอยู่ที่ 45 กรัมต่อวัน เป็นปริมาณที่สูงที่สุดและไม่สามารถเกิดผลข้างเคียงใดๆ อย่างไรก็ตาม การรับประทานธาตุเหล็กในปริมาณสูงอาจทำให้ไม่ปลอดภัย ห้ามรับประทานธาตุเหล็กเกิน 45 กรัมต่อวัน หากคุณไม่ได้มีภาวะขาดธาตุเหล็ก เนื่องจากปริมาณยาที่สูงอาจทำให้ส่งผลร้ายแรงต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ เช่น อาเจียนหรือเวียนศีรษะ ฮีโมโกลบินเป็นโมเลกุลในเลือดแดงที่มีขนาดเล็ก หากฮีโมโกลบินมีระดับสูงในช่วงตั้งครรภ์อาจส่งผลกระทบต่อครรภ์ได้

โรคเบาหวาน: ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคหัวใจจากการรับประทานธาตุเหล็กในปริมาณสูง ในผู้หญิงที่เป็นโรคเบาหวานระดับ ถึงแม้จะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ถ้ามีอาการของโรคเบาหวาน กรุณาปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อข้อมูลการรับประทานธาตุเหล็ก

แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้: ธาตุเหล็กอาจทำให้อาการเหล่านี้แย่ลง ควรรับประทานอย่างระมัดระวัง

การอักเสบของลำไส้ เช่น โรคลำไส้ใหญ่บวมหรืออักเสบ หรือโรคโครห์น: ธาตุเหล็กอาจทำให้อาการเหล่านี้แย่ลง ควรรับประทานอย่างระมัดระวัง

โรคเกี่ยวกับฮีโมโกลบิน เช่น ธาลัสซีเมีย: การรับประทานธาตุเหล็กอาจทำให้เกิดภาวะเหล็กเกินในผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับฮีโมโกลบิน ห้ามรับประทานธาตุเหล็กถ้าคุณมีอาการเหล่านี้จนกว่าจะได้รับคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์

ทารกคลอดก่อนกำหนด: การให้ธาตุเหล็กแก่ทารกที่คลอดก่อนกำหนดในขณะที่มีวิตามินอีในเลือดต่ำอาจทำให้เกิดผลร้ายแรงได้ เนื่องจากการขาดวิตามินอีควรได้รับการแก้ไขก่อนที่จะให้ธาตุเหล็ก ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ก่อนให้ธาตุเหล็กแก่ทารกคลอดก่อนกำหนด

ผลข้างเคียงจากการใช้ธาตุเหล็ก

ธาตุเหล็กอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น อาการท้องผูกหรือท้องร่วง คลื่นไส้อาเจียน

จากอาการผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีผลข้างเคียง หากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา ควรปรึกษาแพทย์

 

 

ปฏิกิริยาระหว่างยา

 

ธาตุเหล็กอาจมีปฏิกิริยากับยาที่ใช้อยู่ควบคู่กัน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้

ผลิตภัณฑ์ที่อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างกันกับธาตุเหล็ก เช่น:

  • ยาปฏิชีวะนะ

ธาตุเหล็กอาจลดปริมาณการดูดซึมของยาปฏิชีวะนะเมื่อใช้ร่วมกัน  เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างยา ควรรับประทานธาตุเหล็กก่อนหรือหลังยาปฏิชีวะนะอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

ยาปฏิชีวะนะที่อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างธาตุเหล็ก เช่น ciprofloxacin (Cipro), enoxacin (Penetrex), norfloxacin (Chibroxin, Noroxin), sparfloxacin (Zagam), trovafloxacin (Trovan) และ grepafloxacin (Raxar)

  • ยาปฏิชีวะนะ

ธาตุเหล็กอาจลดปริมาณการดูดซึมของยาเตรตราไซคลีนเมื่อใช้ร่วมกัน  เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างยา ควรรับประทานธาตุเหล็กก่อนหรือหลังยาปฏิชีวะนะอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

ยาเตตราไซคลีนที่อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างธาตุเหล็ก เช่น demeclocycline (Declomycin), minocycline (Minocin) และ tetracycline (Achromycin)

  • ยาบิสฟอสโฟเนต

ธาตุเหล็กอาจลดปริมาณการดูดซึมของยาบิสฟอสโฟเนตเมื่อใช้ร่วมกัน  เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างยา ควรรับประทานธาตุเหล็กก่อนหรือหลังยาปฏิชีวะนะอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

ยาบิสฟอสโฟเนตที่อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างธาตุเหล็ก เช่น alendronate (Fosamax), etidronate (Didronel), risedronate (Actonel), tiludronate (Skelid) และอื่นๆ

  • ยาเลโวโดปา

ธาตุเหล็กอาจลดปริมาณการดูดซึมของยาเลโวโดปาเมื่อใช้ร่วมกัน  เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างยา ไม่ควรรับประทานธาตุเหล็กและยาเลโวโดปาในเวลาเดียวกัน

  • ยาเลโวไทรอกซีน

ยาเลโวไทรอกซีนมีประสิทธิภาพในการลดระดับการทำงานของไทรอยด์ ธาตุเหล็กอาจลดปริมาณการดูดซึมของยาเลโวไทรอกซีนเมื่อใช้ร่วมกัน

ยาเลโวไทรอกซีนที่อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างธาตุเหล็ก เช่น levothyroxine include Armour Thyroid, Eltroxin, Estre, Euthyrox, Levo-T, Levothroid, Levoxyl, Synthroid, Unithroid และอื่นๆ

  • ยาเมทิลโดปา

ธาตุเหล็กอาจลดปริมาณการดูดซึมของยาเมทิลโดปาเมื่อใช้ร่วมกัน  เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างยา ควรรับประทานธาตุเหล็กก่อนหรือหลังยาเมทิลโดปาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

  • ยาไมโคฟีโนเลต โมฟีทิล

ธาตุเหล็กอาจลดปริมาณการดูดซึมของยาไมโคฟีโนเลต โมฟีทิลเมื่อใช้ร่วมกัน  เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างยา ควรรับประทานธาตุเหล็กก่อนหรือหลังยาไมโคฟีโนเลต โมฟีทิลอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

  • ยาเพนิซิลลามีน

ยาเพนิซิลลามีนใช้รักษาอาการโรควิลซันและโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ธาตุเหล็กอาจลดปริมาณการดูดซึมของยาเพนิซิลลามีน

เมื่อใช้ร่วมกัน  เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างยา ควรรับประทานธาตุเหล็กก่อนหรือหลังยาเพนิซิลลามีนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

  • ยาคลอแรมเฟนิคอล

ธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อการผลิตเซลเม็ดเลือดใหม่ ยาคลอแรมเฟนิคอล อาจทำส่งผลให้ลดปริมาณการสร้างเม็ดเลือดใหม่เมื่อใช้ยาเป็นเวลานาน ผู้คนทั่วไปจึงใช้ยาคอลแรมเฟนิคอลเป็นเวลาอันสั้นเพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียง

ขนาดยา

ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดปกติของการใช้ธาตุเหล็ก

ปริมาณยาต่อไปนี้เป็นคือการทดลองทางวิทยาศาสตร์:

การรับประทาน:

ภาวะขาดธาตุเหล็กในผู้ใหญ่: รับประทานธาตุเหล็ก 50-100 มิลลิกรัม 3 ครั้งต่อวัน

สำหรับผู้หญิงวัยผู้ใหญ่: รับประทานธาตุเหล็กปริมาณ 30-120 มิลลิกรัมต่อสัปดาห์

เพื่อรักษาเด็กที่มีภาวะขาดธาตุเหล็กหรือโลหิตจาง: รับประทานธาตุเหล็กปริมาณ 4-6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (น้ำหนักตัว) ต่อวัน โดยแบ่งเป็น 3 ครั้ง

สำหรับผู้ใหญ่และเด็กสำหรับการรักษาโรคโลหิตจาง: ควรรักษาด้วยธาตุเหล็กเป็นระยะเวลา 2-3 เดือน แต่ร่างกายอาจไม่สามารถกักเก็บธาตุเหล็กได้ ดังนั้นการรักษามักดำเนินต่อไปถึง 6 เดือน เพื่อให้ร่างกายได้สร้างธาตุเหล็ก

เพื่อป้องกันภาวะขาดธาตุเหล็กในเด็ก: American Academy of Pediatrics แนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารธาตุเหล็ก สำหรับเด็กที่รับประทานนมแม่ อายุ 4-6 เดือน ควรให้ธาตุเหล็ก 1 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อ

ทารกอายุ 6-12 เดือน ควรรับประทาน 11 มิลลิกรัมต่อวัน

สำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนด ควรรับประทาน 2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 1 ปี

ควรให้รับประทานต่อไปจนกว่าจะได้รับธาตุเหล็กจากอาหารที่เพียงพอ

เด็กวัยหัดเดินอายุ 1-3 ปี ควรได้รับธาตุเหล็กที่เพียงพอจากอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วันละ 7 มิลลิกรัม

เพื่อพัฒนาการการเรียนรู้และทักษะทางความคิดของวัยรุ่นที่มีภาวะขาดธาตุเหล็ก: ควรรับประทานเฟอรัส ซัลเฟต 650 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวัน

 

อาการไอจากการใช้ยา ACE inhibitors: รับประทานเฟอรัส ซัลเฟต 256 มิลลิกรัมต่อวัน

ปริมาณธาตุเหล็กที่เพียงพอสำหรับทารกอายุ 6 เดือนต่อวันคะ 0.27 มิลลิกรัม

ปริมาณธาตุเหล็กที่เพียงพอสำหรับทารกโตและเด็ก:

ทารกอายุ 7-12 เดือน ควรรับประทานธาตุเหล็ก 11 มิลลิกรัมต่อวัน

เด็กอายุ 1-3 ปี ควรรับประทานธาตุเหล็ก 7 มิลลิกรัมต่อวัน

เด็กอายุ 4-8 ปี ควรรับประทานธาตุเหล็ก 10 มิลลิกรัมต่อวัน

 เด็กอายุ 9-13  ปี ควรรับประทานธาตุเหล็ก 8 มิลลิกรัมต่อวัน

เด็กชายอายุ 14-18 ปี ควรรับประทานธาตุเหล็ก 11 มิลลิครับต่อวัน

เด็กหญิงอายุ 14-18 ปี ควรรับประทานธาตุเหล็ก 15 มิลลิกรัมต่อ

 ผู้ชายอายุ 19 ปีขึ้นไปและผู้หญิงอายุ 51 ปีขึ้นไป ควรรับประทานธาตุเหล็ก 8 มิลลิกรัมต่อวัน

 ผู้หญิงอายุ 19-50 ปี ควรรับประทานธาตุเหล็ก 18 มิลลิกรัมต่อวัน

หญิงตั้งครรภ์ ควรรับประทานธาตุเหล็ก 27 มิลลิกรัมต่อวัน

หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรอายุ 14-18 ปี ควรรับประทานธาตุเหล็ก 10 มิลลิกรัมต่อวัน และ 19-50 ปี ควรรับประทานธาตุเหล็กวันละ 9 มิลลิกรัมต่อวัน

 

ปริมาณธาตุเหล็กที่ได้รับเพียงพอในแต่ละวัน ซึ่งในปริมาณที่สูงสุดอาจทำให้เกิดอาการผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิดได้ เช่น ทารกและเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ได้รับธาตุเหล็ก 40 มิลลิกรัมต่อวัน

คนทั่วไปอายุ 14 ขึ้นไป (รวมถึงหญิงตั้งครรภ์และอยู่ในช่วงให้นมบุตร) ได้รับธาตุเหล็ก 45 มิลลิกรัมต่อวัน

คำแนะนำนี้ไม่ควรใช้สำหรับผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลเกี่ยวกับภาวะการขาดธาตุเหล็ก

ธาตุเหล็กมีหลากหลายรูปแบบตามปริมาณของธาตุเหล็ก: เฟอรัส กลูโคเนต 1 กรัม เท่ากับ ธาตุเหล็ก 120 กรัม (ธาตุเหล็ก 12%)

เฟอรัส ซัลเฟต 1 กรัม เท่ากับ ธาตุเหล็ก 200 มิลลิกรัม (ธาตุเหล็ก 20%)

เฟอรัส ฟูมาเรต 1 กรัม เท่ากับ ธาตุเหล็ก 330 มิลลิกรัม (ธาตุเหล็ก 33%)

ประสิทธิภาพนั้นมีความคล้ายเคียงกันเมื่อใช้ในปริมาณที่เท่าเทียมกับธาตุเหล็ก

ปริมาณการใช้ธาตุเหล็กอาจแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ป่วย ซึ่งปริมาณยาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับช่วงอายุ สุขภาพ และปัจจัยอื่นๆ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอาจไม่ปลอดภัยเสมอไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปริมาณยาที่เหมาะสมสำหรับการรับประทาน

ธาตุเหล็กมีจำหน่ายในรูปแบบใดบ้าง

ธาตุเหล็กอาจมีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้:

  • ธาตุเหล็กชนิดเม็ด 280 มิลลิกรัม
  • เหล็กเหลว
23/02/2018
บทความที่เกี่ยวข้อง
CHECKSUKKAPHAP.COM
เลขที่ 598 ชั้น 6 ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
095-515-9229
ข้อกำหนดและเงื่อนไข ความเป็นส่วนตัว