เช็คสุขภาพ : ที่นี่ ... มีคำตอบให้ทุกคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของท่าน
หน้าแรก / บทความ / ไรโบส (Ribose)
โดย :
ทบทวนบทความโดย :
ไรโบส (Ribose)

สรรพคุณของไรโบส:

 

ไรโบสคือน้ำตาลชนิดหนึ่งซึ่งร่างกายสมารถผลิตได้เอง และใช้เป็นยา

ไรโบสใช้เพื่อ

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย และสมรรถภาพของร่างกาย
  • ช่วยให้อาการต่อไปนี้ดีขึ้น อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง โรคปวดกล้ามเนี้อ และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
  • ช่วยเรื่องอาการต่อไปนี้เช่น ปวดท้องจากตะคริว ความเจ็บปวดและอาการเมื่อยล้าหลังออกกำลังกายในบุคคลที่เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ชื่อว่า โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง(MDP) หรือ AMP
  • เสริมสร้างสมรรถภาพของร่างกายในบุคคลที่เห็นโรคแมคคาร์เดิล (McArdle’s disease)

 

บางครั้งบุคลลากรทางการแพทย์ฉีดไรโบสผ่านทางหลอดเลือดดำ เพื่อกำหนดขอบเขต ความเสียหายของกล้ามเนื้อหัวใจในบุคคลที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน นอกจากนี้ไรโบสยังถูกใช้ผ่านหลอดเลือดดำในผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง เพื่อรักษาอาการเช่น ปวดท้องจากตะคริว เจ็บปวด และเมื่อยล้า

 

กลไกการออกฤทธิ์:

 

เนื่องจากยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับไรโบสไม่มากพอ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไรโบสอาจป้องกันอาการกล้ามเนี้อล้าในผู้เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ร่างกายไม่สามารถสร้างพลังงานได้เพียงพอ นอกจากนี้ยังเพิ่มพลังงานให้หัวใจในระหว่างการออกกำลังกายของผู้ที่เป็นโรคหัวใจ

 

 

ข้อควรระวังและคำเตือน:

 

สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้ไรโบส:

ปรึกษาแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในกรณีที่:

  • ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในขณะให้นมบุตรนั้น ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • กำลังใช้ยาอื่น ๆ รวมถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์
  • มีอาการแพ้สารไรโบส ยาอื่น ๆ หรืออาหารเสริมอื่น ๆ
  • มีโรคอื่น ๆ มีความผิดปกติหรือพยาธิสภาพอื่น ๆ
  • มีอาการแพ้อื่น ๆ เช่น แพ้อาหาร สีผสมอาหาร สารกันบูดหรือเนื้อสัตว์ต่าง ๆ

 

ข้อกำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไรโบสนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่าข้อกำหนดยาอื่น ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย การใช้ผลิตภัณฑ์นี้ต้องมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

 

ไรโบสปลอดภัยหรือไม่:

 

ไรโบสปลอดภัยสำหรับการรับประทานช่วงสั้นๆหรือเมื่อให้ผ่านหลอดเลือดดำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ยังไม่มีการศึกษาที่เพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ระยะยาว

 

 

ข้อควรระวังและคำเตือน:

 

ช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร: ไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับการใช้ ไรโบสในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรเลี่ยงการใช้เพื่อความปลอดภัย

 

โรคเบาหวาน : ไรโบสอาจลดน้ำตาลในเลือด เมื่อใช้กับยารักษาโรคเบาหวานซึ่งลดระดับน้ำตาลในเลือดอยู่แล้วอาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ดังนั้นหลีกเลี่ยงการใช้ไรโบสจะดีกว่า ถ้าเป็นโรคเบาหวาน

 

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ :ไรโบสอาจจะลดระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นถ้าอยู่ในสภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำมาก หลีกเลี่ยงการใช้ไรโบส

 

การผ่าตัด : เพราะไรโบสอาจจะลดระดับน้ำตาลเลือด ดังนั้นอาจส่งผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในระหว่างการผ่าตัดและหลังการผ่าตัด ควรหยุดใช้ไรโบสอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด

 

ผลข้างเคียง:

 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากไรบอส

ไรโบสเป็นต้นเหตุของผลข้างเคียงต่อไปนี้ ท้องเสีย ไม่สบายท้อง คลื่นไส้ ปวดหัว และน้ำตาลในเลือดต่ำ

ในบางราย อาจได้รับผลข้างเคียงบางอย่างที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลข้างเคียงใด ๆ โปรดปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรก่อนใช้ไรบอส

 

ปฏิกิริยาระหว่างยา:

 

ไรบอสอาจมีปฏิกิริยาระหว่างยาหรือพยาธิสภาพปัจจุบัน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรก่อนใช้

ผลิตภัณฑ์ที่อาจมีปฏิกิริยาระหว่างกับไรบอส ได้แก่:

  • อินซูลิน

ไรโบสอาจลดน้ำตาลในเลือด อินซูลินก็ทำหน้าที่ลดน้ำตาลในเลือดเช่นกัน ซึ่งการใช้ไรโบสกับอินซูลินอาจเป็นต้นเหตุให้น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ดั้งนั้นควรตรวจสอบระดับน้ำตาลเสมอเพราะขนาดอินซูลินที่ใช้อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแลง

  • ยารักษาโรคเบาหวาน

ไรโบอาจจะลดน้ำตาลในเลือด ยารักษาโรคเบาหวานก็ทำหน้าที่ลดระดับน้ำตาลในเลือดเช่นกัน การใช้ไรโบสคู่กับยารักษาโรคเบาหวาน อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำเกินไป ดังนั้นควรตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดเสมอ เพราะขนาดของยารักษาโรคเบาหวานอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงขนาดที่ใช้ ยาที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน เช่นไกลเมพิไรด์ (glimepiride) ไกบูไรด์(glyburide) อินซูลิน(insulin) ไพโอกลิตาโซน (pioglitazone) โลลิกสิตาโซน(rosiglitazone) คลอร์โพนาไมด์(chlorpropamide)  ไกลพิไซด์(glipizide) โทลบูตาไมด์ (tolbutamide) และอื่นๆ

  • แอลกอฮอล์

แอลกอฮอล์อาจลดระดับน้ำตาลในเลือด ไรโบสอาจจะลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย ดังนั้นการใช้โรโบสกับแอลกอฮอล์อาจจะเป็นต้นเหตุให้น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป

  • แอสไพริน

ไรโบสอาจจะลดระดับน้ำตาลในเลือด การใช้แอสไพรินในประมาณมากอาจจลดระดับน้ำตาลในเลือดเช่นกัน ดังนั้นการใช้ไรโบสควบคู่กับแอสไพรินในปริมาณมากอาจเป็นต้นเหตุให้น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป แต่ปฎิกริยานี้อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับคนจำนวนมากที่ใช้แอสไพริน 81 กรัมต่อวัน

  • ยากลุ่มซาลิไซเลต

ยากลุ่มซาลิไซเลตอาจจะลดระดับน้ำตาลในเลือด ไรโบสอาจจะลดน้ำตาลในเลือดได้เช่นกัน ดังนั้นการใช้ไรโบสกับยากลุ่มซาลิไซเลต อาจเป็นต้นเหตุให้น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป แต่ยังไม่แน่ชัดว่าปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่

  • โพรพราโนลอล

โพรพราโนลอลอาจจะลดระดับน้ำตาลในเลือด ไรโบสอาจจะลดน้ำตาลในเลือดด้วยเช่นกัน ดังนั้นการใชไรโบสควบคู่กับโพรพราโนลอลอาจเป็นต้นเหตุให้น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป

  • ซาลซาเลต

ซาลซาเลตในปริมาณมากอาจจะลดระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นการใช้ไรโบสควบคู่กับซาลซาเลต

อาจเป็นต้นเหตุให้น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป

 

ขนาดยา:

 

ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ปรึกษาแพทย์ประจำตัวหรือแพทย์ก่อนใช้

 

 

 

 

 

ขนาดการใช้ไรบอสปกติอยู่ที่เท่าไร:

 

ข้อมูลต่อไปนี้ได้รับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้ว

ชนิดรับประทาน

 

เพื่อเพิ่มสมรรถภาพของร่างกายผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจด้วยการออกกำลังกาย : ครั้งละ 15 กรัมวันละ 4 ครั้ง ก่อนออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง จนกระทั่งออกกำลังกายเสร็จ ขนาด 3 กรัม ทุก 10 นาที ใช้สำหรับลดอาการเคลื่อนไหวกล้ามเนี้อลำบากและตะคิวอันมีสาเหตุจากการออกกำลังกาย

ปริมาณไรโบสที่ใช้อาจแต่กต่างกันไปสำหรับคนไข้แต่ละคน ขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพ และเหตุผลอี่นๆ  ซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นไม่ปลอดภัยเสมอไปดังนั้นโปรดปรึกษาแพทย์เพื่อขนาดที่เหมาะสมกับตัวคุณ

 

ไรบอสมีจำหน่ายในรูปแบบใด:

 

ไรบอสอาจมีอยู่ในรูปแบบต่อไปนี้:

  • แป้งไรโบส
  • ไรโบสแคปซุล 750 มิลลิกรัม
23/02/2018
บทความที่เกี่ยวข้อง
CHECKSUKKAPHAP.COM
เลขที่ 598 ชั้น 6 ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
095-515-9229
ข้อกำหนดและเงื่อนไข ความเป็นส่วนตัว