สรรพคุณ
แซม-อี (อ่านออกเสียงว่า "แซมมี") เป็นชื่อที่ถูกใช้โดยทั่วไปของสารเอส-อะดีโนซิล-แอล-เมไทโอนีน (S-adenosyl-L-methionine). แซม-อี เป็นโมเลกุลที่ก่อตัวอย่างธรรมชาติในร่างกาย และยังสามารถสร้างได้ในห้องปฏิบัติการ แซม-อี เกี่ยวข้องกับการก่อตัว การกระตุ้น หรือการสลายตัวของสารเคมีในร่างกาย ซึ่งรวมถึงฮอร์โมน โปรตีน ฟอสโฟลิพิด หรือยาบางชนิด
แซม-อี สามารถรับประทานเพื่อรักษาโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคหัวใจ โรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง อาการปวดท้อง โรคข้อเสื่อม โรคการอักเสบของถุงไขข้อ โรคเอ็นอักเสบ โรคปวดหลังส่วนล่างแบบเรื้อรัง โรคสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ ชะลอวัย กลุ่มอาการล้าเรื้อรัง (ซีเอฟเอส) ปรับปรุงความคิดความอ่าน โรคตับ และ โรคพาร์กินสัน นอกจากนี้ ยังช่วยรักษาโรคสมาธิสั้น (เอดีเอชดี) โรคปลอกประสาทเสื่อม อาการบาดเจ็บที่ไข้สันหลัง โรคลมชัก ปวดหัวไมเกรน พิษจากสารตะกั่ว ช่วยสลายสารเคมีในร่างกายที่เรียกว่า บิลิรูบิน หรือช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับการก่อตัวของสารที่ชื่อว่า พอร์ไฟริน หรือสารตั้งต้นของพอร์ไฟริน
ผู้หญิงบางท่านอาจรับประทานแซม-อีเพื่อบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS)หรืออาการที่รุนแรงกว่าก่อนการมีประจำเดือน (PMDD)
แซม-อีจะถูกฉีดเข้าหลอดเลือดดำในรายที่มีโรคซึมเศร้า โรคข้อเข่าเสื่อม โรคของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับภาวะเอดส์ โรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง โรคตับ ตับแข็ง และโรคตับที่เกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์ที่เรียกว่า อาการดีซ่านจากการคั่งของนํ้าดีจากเซลล์ตับมีพยาธิสภาพ (Intrahepatic cholestasis)
แซม-อี ใช้ฉีดเพื่อรักษาอาการโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง โรคซึมเศร้า และโรคอัลไซเมอร์
กลไกการออกฤทธิ์:
เนื่องจากยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับแซม-อีไม่มากพอ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม พอมีข้อมูลว่าร่างกายใช้แซม-อีในการผลิตสารบางชนิดที่มีผลในการรักษาความเจ็บปวด โรคซึมเศร้า โรคตับ และโรคอื่นๆ ผู้ที่ไม่สามารถสร้างแซม-อี ได้โดยธรรมชาติ สามารถรับประทานแซม-อีเป็นอาหารเสริมได้
ข้อควรระวังและคำเตือน:
ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรถ้า:
- ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เพราะเป็นเวลาที่ควรได้รับยารักษาโรคเฉพาะที่แพทย์สั่งเท่านั้น
- กำลังใช้ยาอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงยาที่ซื้อโดยไม่ต้องมีใบสั่งยา
- แพ้สารที่อยู่ในแซม-อี
- มีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพอื่น ๆ
- เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดอื่น ๆ เช่น แพ้อาหาร สีผสมอาหาร สารกันบูด หรือเนื้อสัตว์
ข้อกำหนดสำหรับอาหารเสริมประเภทสมุนไพรนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่าข้อกำหนดของการใช้ยา ควรต้องศึกษาอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัยในการใช้ คุณประโยชน์ของการรับประทานอาหารเสริมประเภทสมุนไพรนี้ต้องมีค่าน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยงก่อนการใช้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์
ความปลอดภัย
แซม-อีจะปลอดภัยเมื่อใช้รับประทาน ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ และฉีดเข้าร่างกายอย่างเหมาะสม
หญิงตั้งครรภ์: การใช้แซม-อีจะปลอดภัยเมื่อฉีดเข้าเส้นเลือดดำในระยะสั้นในระหว่างการตั้งครรภ์ช่วงไตรมาสที่สาม ใช้แซม-อี ขนาด 800 มิลลิกรัมฉีดเข้าที่เส้นเลือดดำเป็นเวลา 14-20 วันโดยปราศจากผลข้างเคียง อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่เชื่อถือได้ยังมีไม่เพียงพอเกี่ยวกับการใช้แซม-อีในระยะยาวในช่วง 2 ไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เพื่อความปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพรนี้
อยู่ระหว่างให้นมบุตร: ข้อมูลที่เชื่อถือได้ยังมีไม่เพียงพอเกี่ยวกับการใช้แซม-อีสำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร เพื่อความปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพรนี้
เด็ก: การรับประทานแซม-อี หรือฉีดเข้าเส้นเลือดดำในระยะสั้นอาจปลอดภัยกับเด็ก
โรคอารมณ์สองขั้ว: การใช้แซม-อี อาจทำให้ผู้ป่วยโรคอารมณ์สองขั้วเปลี่ยนจากสภาวะซึมเศร้าเป็นสภาวะอารมณ์ดีมากกว่าปกติ
โรคทางพันธุกรรมที่ชื่อว่า เลส์ช–ไนแฮนซินโดรม (Lesch-Nyhan syndrome): แซม-อี อาจทำให้อาการของผู้ป่วยโรคเลส์ช-ไนแฮนซินโดรมแย่ลง
โรคพาร์กินสัน: แซม-อี อาจทำให้อาการของผู้ป่วยพาร์กินสันแย่ลง
การผ่าตัด: แซมอีอาจมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางซึ่งอาจรบกวนการผ่าตัด ดังนั้นจึงควรหยุดรับประทานแซม-อี อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้แซม-อี
แซม-อีอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง อาทิ:
- อาการการวิงเวียนศีรษะ อาการวิตกกังวล ใจสั่น ปัญหาต่อระบบความจำและสมาธิ อาการคลื่นไส้และผื่นที่ผิวหนัง
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด
- เพิ่มความดันโลหิต
ผลข้างเคียงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน และอาจจะมีอาการของผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้นหากกังวลเรื่องผลข้างเคียง ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์
ปฏิกิริยาระหว่างยา:
แซม-อี อาจมีปฏิกริยากับยาที่ใช้ร่วมอยู่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้
ยาที่อาจมีปฏิกริยาร่วมกับแซม-อี:
- ยาสำหรับโรคซึมเศร้า (ยารักษาอาการซึมเศร้า)
แซม-อีช่วยเพิ่มสารเคมีในสมองที่เรียกว่าเซโรโทนิน ซึ่งยารักษาอาการซึมเศร้าก็ช่วยเพิ่มสารตัวนี้เช่นกัน ดังนั้น หากใช้แซม-อีร่วมกับยารักษาอาการซึมเศร้าอาจเพิ่มปริมาณสารเซโรโทนินที่มากเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้ เช่น โรคหัวใจ อาการสั่น และโรควิตกกังวล ไม่ควรใช้แซม-อีร่วมกับยารักษาอาการซึมเศร้า
ยารักษาอาการซึมเศร้า เช่นฟลูออกซิทีน(Prozac), พาร็อกซีทีน (Paxil), เซอร์ทราลีน (Zoloft), อะมิทริปไทลีน (Elavil), โคลมิพรามีน (Anafranil),อิมิพรามีน (Tofranil) และอื่นๆ
- ยารักษาโรคซึมเศร้า (MAOIs)
แซม-อีช่วยเพิ่มสารเคมีในสมองที่เรียกว่าเซโรโทนิน ซึ่งยารักษาอาการซึมเศร้าก็ช่วยเพิ่มสารตัวนี้เช่นกัน ดังนั้น หากใช้แซม-อีร่วมกับยารักษาอาการซึมเศร้าอาจเพิ่มปริมาณสารเซโรโทนินที่มากเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้ เช่น โรคหัวใจ อาการสั่น และโรควิตกกังวล ไม่ควรใช้แซม-อีร่วมกับยารักษาอาการซึมเศร้า อาทิ ฟีเนลซีน (Nardil) ทรานิลซัยโปรมีน (Parnate) และอื่นๆ
- ยาเดกซ์โทรเมทอร์แฟน (โรบิทัสซิน ดีเอ็ม และอื่นๆ)
แซม-อี อาจส่งผลต่อสารเคมีในสมองที่เรียกว่าเซโรโทนิน ซึ่งยาเดกซ์โทรเมทอร์แฟน (โรบิทัสซิน ดีเอ็ม และอื่นๆ) ก็อาจส่งผลต่อเซโรโทนินเช่นเดียวกัน การใช้แซม-อีร่วมกับ เดกซ์โทรเมทอร์แฟน (โรบิทัสซิน ดีเอ็ม และอื่นๆ) อาจเพิ่มปริมาณสารเซโนโทนินที่มากเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้ เช่นโรคหัวใจ อาการสั่น และโรควิตกกังวล ไม่ควรใช้แซม-อีร่วมกับยาเดกซ์โทรเมทอร์แฟน
- ยาเลโวโดปา
ยาเลโวโดปาใช้สำหรับโรคพาร์กินสัน การใช้แซม-อี สามารถเปลี่ยนแปลงปฏิกริยาทางเคมีของยาเลโวโดปาในร่างกาย และลดประสิทธิภาพของยาได้ การใช้แซม-อี ร่วมกับยาเลโวโดปา อาจทำให้อาการของผู้ป่วยโรคพาร์กินสันแย่ลง ไม่ควรใช้แซม-อีร่วมกับยาเลโวโดปา
- ยาเมเพอริดีน (Demerol)
แซม-อี อาจส่งผลต่อสารเคมีในสมองที่เรียกว่าเซโรโทนิน ซึ่งยาเมเพอริดีน ก็อาจส่งผลต่อเซโรโทนินในสมองเช่นเดียวกัน การใช้แซม-อีร่วมกับยาเมเพอริดีน อาจเพิ่มปริมาณสารเซโนโทนินที่มากเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้ เช่นโรคหัวใจ อาการสั่น และโรควิตกกังวล
- ยาเพนตาโซซีน (Talwin)
แซม-อี อาจส่งผลต่อสารเคมีในสมองที่เรียกว่าเซโรโทนิน ซึ่งยาเพนตาโซซีน ก็อาจส่งผลต่อเซโรโทนินในสมองเช่นเดียวกัน การใช้แซม-อีร่วมกับยาเพนตาโซซีน อาจเพิ่มปริมาณสารเซโนโทนินที่มากเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้ เช่นโรคหัวใจ อาการสั่น และโรควิตก ไม่ควรใช้แซม-อีร่วมกับยาเพนตาโซซีน
- ยาทรามาดอล (Ultram)
ยาทรามาดอลอาจส่งผลต่อสารเคมีในสมองที่เรียกว่าเซโรโทนิน ซึ่งแซม-อี ก็อาจส่งผลต่อเซโรโทนินในสมองเช่นกัน การใช้แซม-อีร่วมกับยาทรามาดอล อาจเพิ่มปริมาณสารเซโรโทนินในสมอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้เช่น อาการสับสน อาการสั่น กล้ามเนื้อแข็งตัว และผลข้างเคียงอื่นๆ
ขนาดการใช้
***ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนใช้เสมอ***
ขนาดการใช้แซมอีโดยทั่วไป:
สำหรับการรับประทาน:
- สำหรับโรคซึมเศร้า: รับประทานแซม-อี 1600 มิลลิกรัมหรือมากกว่านั้นทุกวัน ในปริมาณสองส่วน เป็นเวลามากกว่า 8 สัปดาห์ อาจใช้แบบเดี่ยว หรือใช้ร่วมกับยาต้านอาการซึมเศร้า และผลิตภัณฑ์ที่กผสมผสานระหว่าง DDM Metile, Omeopiacenza, Piacenza, Italy ขนาดบรรจุ 250 มิลลิกรัม รับประทานทุกวัน วันละ 2 เม็ดเป็นเวลา 12 เดือน
- โรคข้อเสื่อม: รับประทานแซม-อี 600-1200 มิลลิกรัมทุกวัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน เป็นเวลามากกว่า 84 วัน
- โรคตับแข็ง: รับประทานแซม-อี 600 มิลลิกรัม ทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน และแซม-อี 30 มิลลิกรัมร่วมกับวิตาบินบี 12 6 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 30 วัน
- โรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง : รับประทานแซม-อี 800 มิลลิกรัมทุกวัน โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน เป็นเวลา 6 สัปดาห์
- อาการดีซ่านจากการคั่งของนํ้าดีจากเซลล์ตับมีพยาธิสภาพ (Intrahepatic cholestasis): รับประทาน แซม-อี 500 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวัน จนกระทั่งได้รับการรักษาอาการคั่งของน้ำดี หรือรับประทานแซม-อี 1600 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- ปัญหาความบกพร่องทางเพศ: รับประทานแซม-อี 400 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวัน และปรับเป็น 800 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์
สำหรับฉีด:
- โรคซึมเศร้า: ฉีดแซม-อีเข้าหลอดเลือดดำในปริมาณ 400-800 มิลลิกรัม เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ หรือ ฉีดแซม-อีเข้าสู่ร่างกายในปริมาณ 45-400มิลลกรัม ร่วมหรือไม่ร่วมกับยาต้านโรคซึมเศร้าเป็นเวลา 1-4 สัปดาห์. ฉีดแซม-อีเข้าสู่แบบช็อตปริมาณ 200 มิลลิกรัมร่วมกับรับประทานแซม-อu 400 มิลลิกรัม โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน เป็นเวลา 6 สัปดาห์
- โรคข้อเสื่อม: ฉีดแซม-อีเข้าหลอดเลือดดำเป็นเวลา 5 วัน ตามด้วยการรับประทานแซม-อี ขนาด 600 มิลลิกรัม โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน เป็นเวลา 23 วัน และฉีดแซม-อีแบบช็อต เป็นเวลา 7 วัน
- โรคตับแข็ง: ฉีดแซม-อีขนาด 800 มิลลิกรัมเข้าที่หลอดเลือดดำ ทุกวันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หรือขนาด 250 มิลลิกรัม สองครั้งต่อวันเป็นเวลา 30 วัน หรือ ฉีดสารเฉพาะ Transmetil, Abbott SPA ขนาด 1000 มิลลิกรัมเข้าหลอดเลือดดำ ทุกวันเป็นเวลา 7 วัน หรือ ฉีดแซม-อี ขนาด 100 มิลลิกรัม ทุกวันเป็นเวลา 30 วัน
- โรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง: ฉีดแซม-อีขนาด 400 มิลลิกรัมเข้าที่หลอดเลือดดำทุวัน เป็นเวลา 15 วัน หรือฉีดแซม-อีแบบช็อต ขนาด 200 มิลลิกรัม ทุกวันเป็นเวลา 21 วัน
ปริมาณการใช้แซม-อี อาจแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งปริมาณยาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับ ช่วงอายุ สุขภาพ และปัจจัยอื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอาจไม่ปลอดภัยเสมอไป โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์เพื่อทราบปริมาณยาที่เหมาะสม
รูปแบบของพบแซม-อี
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดนี้อาจพบได้ในรูปแบบ: เม็ด