เช็คสุขภาพ : ที่นี่ ... มีคำตอบให้ทุกคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของท่าน
หน้าแรก / บทความ / Green Tea (ชาเขียว)
โดย :
ทบทวนบทความโดย :
Green Tea (ชาเขียว)

การใช้ประโยชน์

ชาเขียวใช้ทำอะไร?

โดยปกติชาเขียวถูกนำมาบริโภค เพื่อช่วยหรือรักษาเรื่องการตื่นตัวของสมองและความคิด ภาวะไขมันพอกตับของผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ โรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล ช่วยลดน้ำหนัก โรคในกระเพาะอาหาร การอาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ โรคกระดูกพรุน โรคพาร์กินสัน โรคหัวใจและเส้นเลือด โรคเบาหวาน ความดันต่ำ อาการอ่อนล้าเรื้อรัง โรคฟันผุ และนิ่วในไต

บางรายใช้ชาเขียวในการป้องกันโรคมะเร็งนานาชนิด ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้    มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งเนื้องอกแข็ง โรคลูคีเมีย มะเร็งผิวหนังที่เกิดจากการโดนแสงแดด

สตรีบางท่านใช้ชาเขียวเพื่อต่อต้าน ไวรัส HPV ซึ่งทำให้เป็นหูดที่อวัยวะสืบพันธุ์ การเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติบริเวณปากมดลูก และมะเร็งปากมดลูก

แทนที่จะดื่มชาเขียว บางรายใช้ถุงชามาทาผิวเพื่อบรรเทาอาการไหม้แดด และป้องกันมะเร็งผิวหนังอันเนื่องมาจากการโดนแดด ถุงชาเขียวนั้นถูกนำมาใช้เพื่อลดถุงใต้ตา ใช้ประคบดวงตาเมื่ออ่อนล้าหรือปวดศีรษะ และใช้หยุดเลือดหลังจากการถอนฟัน นักกีฬายังใช้ชาเขียวในการล้างเท้าอีกด้วย

บางรายลั้วคอด้วยชาเขียวเพื่อป้องกันไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ สารสกัดจากชาเขียวยังถูกใช้ในการลางปากเพื่อลดอาการปวดหลังการถอนฟัน ชาเขียวถูกนำมาใช้ในลูกกวาดเพื่อรักษาโรคเหงือกด้วย

ชาเขียวถูกนำมาใช้ทำเป็นยาทาหูดที่อวัยวะสืบพันธุ์

ในการใช้เป็นอาหาร ผู้คนใช้ชาเขียวเป็นเครื่องดื่ม

 

สรรพคุณของชาเขียว

ส่วนที่เป็นประโยชน์ของชาเขียวคือส่วนตาใบ ใบ และลำต้น ชาเขียวไม่ถูกนำมาดอง และถูกผลิตขึ้นโดยการอบใบในอุณหภูมิสูง ระหว่างกระบวนการนี้ มันสามารถคงไว้ซึ่งโมเลกุลที่สำคัญที่เรียกว่า polyphenols ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในสรรพคุณทั้งหลายของชาเขียว

Polyphenols อาจสามารถป้องกันอาการอักเสบบวม คุ้มกันกระดูกอ่อน และลดการเสื่อมของข้อ ชาเขียวยังสามารถต่อต้านการติดเชื้อไวรัส HPV และลดการเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติในบริเวณปากมดลูก การวิจัยยังไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันทำงานอย่างไร

ชาเขียวมีคาเฟอีนอยู่ 2-4% ซึ่งมีผลต่อการคิดและความตื่นตัว เพิ่มการปัสสาวะ และอาจเพิ่มประสิทธิภาพระบบการส่งสารของสมองซึ่งสำคัญต่อการรักษาโรคพาร์กินสัน คาเฟอีนนั้นช่วยกระตุ้นระบบประสาท หัวใจ และกล้ามเนื้อ โดยการเพิ่มการหลั่งสารเคมีในสมองที่เรียกว่าสารสื่อประสาท

สารต้านอนุมูลอิสระและสารอื่นๆในชาเขียว อาจช่วยปกป้องหัวใจและเส้นเลือด

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือขอคำแนะนำจากแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

 

ข้อควรระวังและคำเตือน

ควรรู้อะไรก่อนที่จะใช้ชาเขียว

ควรปรึกษากับแพทย์ เภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ถ้า:

  • ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากในขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • ใช้ยาอื่นร่วมอยู่ รวมถึงยาที่กำลังใช้ที่สามารถหาซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา
  • มีอาการภูมิแพ้สารใด ๆ ในชาเขียวหรือยาอื่น ๆ หรือสมุนไพรอื่น ๆ
  • มีโรค ความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพอื่น ๆ
  • มีอาการแพ้อื่น ๆ เช่น แพ้อาหาร สีย้อมอาหาร สารกันบูด หรือเนื้อสัตว์

ข้อบังคับสำหรับอาหารเสริมประเภทสมุนไพรนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่าข้อบังคับของการใช้ยา จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาให้มากเพื่อความปลอดภัยในการใช้ คุณประโยชน์ของการรับประทานอาหารเสริมประเภทสมุนไพรนี้ต้องมีค่าน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยงก่อนการใช้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์

ชาเขียวมีความปลอดภัยเพียงใด:

เด็ก:

ชาเขียวปลอดภัยสำหรับเด็กเมื่อใช้ในปริมาณที่พบได้ในอาหารและเครื่องดื่มหรือเมื่อใช้กลั้วปาก 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 90 วัน

สำหรับผู้ตั้งครรภ์และอยู่ในระหว่างการให้นมบุตร:

องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงคาเฟอีน

 

 

 

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ชาเขียว

เหล่านี้คือผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป

  • ปวดหัว
  • วิงเวียน
  • อาการของโรคระบบทางเดินอาหาร
  • ตับเป็นพิษ

ผลข้างเคียงเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน และอาจจะมีอาการของผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้นหากกังวลเรื่องผลข้างเคียง ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์

 

ปฏิกิริยาต่อยา

ปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ชาเขียว

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรชนิดนี้อาจมีผลต่อยาหรือพยาธิสภาพในปัจจุบัน ควรปรึกษาหมอผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนการใช้งาน

Amphetamines

  • ยากระตุ้นอย่าง Amphetamines เร่งการทำงานของระบบประสาท และการเร่งการทำงานของระบบประสาทนั้น ยากระตุ้นเหล่านี้จะทำให้ท่านกระวนกระวาย และทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น
  • คาเฟอีนในชาเขียวอาจเร่งการทำงานของระบบประสาทเช่นกัน การใช้ชาเขียวร่วมกับยากระตุ้นอาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ ได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตสูง หลีกเลี่ยงการใช้ยากระตุ้นร่วมกับคาเฟอีน

โคเคน

  • ยากระตุ้นอย่างโคเคนเร่งการทำงานของระบบประสาท และการเร่งการทำงานของระบบประสาทนั้น ยากระตุ้นเหล่านี้จะทำให้ท่านกระวนกระวาย และทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น
  • คาเฟอีนในชาเขียวอาจเร่งการทำงานของระบบประสาทเช่นกัน การใช้ชาเขียวร่วมกับยากระตุ้นอาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ ได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตสูง หลีกเลี่ยงการใช้ยากระตุ้นร่วมกับคาเฟอีน

Ephedrine

  • ยากระตุ้นเร่งการทำงานของระบบประสาท คาเฟอีน (ที่อยู่ในชาเขียว) และ Ephedrine เป็นยากระตุ้นทั้งคู่
  • การใช้ชาเขียวร่วมกับ Ephedrine อาจเป็นการกระตุ้นมากเกินไป และในบางครั้งทำให้ได้รับผลข้างเคียงอย่างมากรวมถึงปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคาเฟอีน และ Ephedrine ร่วมกัน

 

ปริมาณการใช้

ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดในการใช้ชาเขียวโดยปกติอยู่ที่เท่าไหร่?

การรับประทาน:

  • สำหรับผู้มีคอเลสเตอรอลสูง: ในชาเขียวหรือสารสกัดจากชาเขียวมี catechin 150-2500 มิลลิกรัม ใช้ครั้งเดียวต่อวัน หรือแบ่งเป็นสองครั้งต่อวันเป็นเวลา 24 สัปดาห์
  • สำหรับการเติบโตของเซลล์ผิดปกติในช่องคลอด: รับประทานสารสกัดจากชาเขียว 200 มิลลิกรัมต่อวัน ร่วมกับการทาด้วยยาทาที่ทำจากชาเขียว สองครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 8-12 สัปดาห์
  • สำหรับความดันโลหิตสูง: เครื่องดื่มชาเขียว ชงโดยการต้มชาเชียวขนาด 3 กรัม กับน้ำ 150 มิลลิลิตร โดยดื่มสามครั้งโดยเว้น 2 ชั่วโมงระหว่างแต่ละแก้ว เป็นเวลา 4 สัปดาห์ อีกวิธีคือ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากชาเขียว 379 มิลลิกรัมอย่าง Olimp Labs, Debica, Poland โดยดื่มร่วมกับอาหารเช้า เป็นเวลา 3 เดือน
  • ความดันต่ำ: ดื่มชาเขียวขนาด 400 มิลลิกรัม ก่อนอาหารเที่ยง
  • ฝ้าในช่องปาก: ดื่มชาเขียวแบบผสม 3 กรัม และทาลงบนผิวหนังเป็นเวลา 6 เดือน
  • โรคกระดูกพรุน: ทานแคปซูลที่มี polyphenols ในชาเขียวปริมาณ 500 มิลลิกรัม สองครั้งต่อวันเพียงอย่างเดียว หรือฝึกมวยไทเก๊ก เป็นเวลา 60 นาที สามครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 24 สัปดาห์

การใช้ทาบนผิวหนัง:

  • สำหรับหูดที่อวัยวะเพศ: ยาทาที่ผลิตจากชาเขียว เช่น Veregen, Bradley Pharmaceuticals; Polyphenon E ointment 15% และ MediGene AG ใช้ทาที่หูด 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 16 สัปดาห์ ผลิตภัณฑ์นี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาในการรักษาโรคนี้
  • สำหรับการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในช่องคลอด: ใช้ยาทาที่ผลิตจากชาเขียวเพียงอย่างเดียว สองครั้งต่อสัปดาห์ หรือใช้ร่วมกับ การรับประทานสารสกัดจากชาเขียว 200 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 8-12 สัปดาห์
  • ฝ้าในช่องปาก: ดื่มชาเขียวแบบผสม 3 กรัม และทาลงบนผิวหนังเป็นเวลา 6 เดือน

ปริมาณการใช้ชาเขียวอาจแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ปริมาณยาที่ใช้ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ สุขภาพและปัจจัยอื่น ๆ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอาจไม่ปลอดภัยเสมอไป โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ผู้ทำการรักษาสำหรับปริมาณที่เหมาะสม

 

ชาเขียวมีจำหน่ายในรูปแบบใด:

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรนี้อาจมีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้:

  • ใบชาเขียวอบแห้งบรรจุแคปซูล
  • สากสกัดจากชาเขียวที่ทำจากใบ และตาใบชาเขียว ซึ่งมี polyphenols 50-150 มิลลิกรัม
  • ยาทาเฉพาะที่
24/02/2018
บทความที่เกี่ยวข้อง
CHECKSUKKAPHAP.COM
เลขที่ 598 ชั้น 6 ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
095-515-9229
ข้อกำหนดและเงื่อนไข ความเป็นส่วนตัว