กัญชา (Marijuana)

วิธีการใช้

กัญชาใช้เพื่ออะไร?

กัญชาถูกใช้ในการรักษาอาการคลื่นไส้, อาเจียน, การสูญเสียน้ำหนักที่ไม่พึงประสงค์, และการขาดความอยากอาหาร, กัญชายังใช้เพื่อรักษาภาวะหดเกร็ง(กล้ามเนื้อ), ความเจ็บปวดที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท,  การเคลื่อนไหวผิดปกติ, โรคหอบหืด และโรคต้อหิน

 

การออกฤทธิ์?

กัญชามีสารกระตุ้นที่เรียกว่า delta-9 tetrahydrocannabinol (THC) ที่ทำให้คุณรู้สึกเมา สติล่องลอย

THC, CBD และสารประกอบอื่น ๆ ในกัญชายังอาจส่งผลต่อกระบวนการทำงานของร่างกายอีกด้วย

 

ข้อควรระวังและคำเตือน

สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้กัญชา

ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร ถ้าอยู่ในอาการหรือลักษณะดังต่อไปนี้:

• ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในระหว่างการมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
• ใช้ยาชนิดอื่นอยู่ ซึ่งรวมถึงยาที่หาซื้อได้ทั่วไปโดยไม่ต้องมีใบสั่งยา
• มีอาการแพ้สารบางอย่างในกัญชา หรือแพ้ยาชนิดอื่นๆ หรือแพ้สมุนไพรอื่น
• มีอาการเจ็บป่วย ความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพอื่นๆ
• มีอาการแพ้ต่างๆ เช่น แพ้อาหาร สารย้อมสี สารกันบูด หรือสัตว์

ข้อบังคับสำหรับอาหารเสริมประเภทสมุนไพรนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่าข้อบังคับของการใช้ยาทั่วไป จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยในการใช้ ทั้งนี้ก่อนการใช้งาน ควรคำนึงถึงประโยชน์ของอาหารเสริมว่าควรมีมากกว่าความเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

 

กัญชาปลอดภัยแค่ไหน?

เด็ก:

หลีกเลี่ยงการใช้ในเด็กหรือวัยรุ่น กัญชาอาจมีผลต่อการพัฒนาสมองในวัยหนุ่มสาว

ช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร:

การใช้กัญชาในระหว่างตั้งครรภ์จะมีผลต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทั้งปัญหาสมองและพฤติกรรมในทารก หากหญิงที่ตั้งครรภ์ใช้กัญชา ยาอาจมีผลต่อพัฒนาการบางส่วนของสมองเด็กในครรภ์ได้ ผลที่เกิดขึ้นกับเด็กอาจรวมไปถึงการมีปัญหาเกี่ยวกับความสนใจ, ความจำ และการแก้ปัญหา นอกจากนี้การวิจัยบางงานยังแสดงให้เห็นว่าปริมาณ THC จำนวนหนึ่งจะถูกขับออกสู่เต้านมของมารดาที่กำลังให้นมบุตร ส่วนผลกระทบที่มีต่อพัฒนาการในสมองของทารกนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด

การผ่าตัด:

กัญชามีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง อาจทำให้ระบบประสาทส่วนกลางทำงานช้าลง เมื่อใช้ร่วมกับยาระงับความรู้สึกและยาอื่น ๆ ในระหว่างและหลังการผ่าตัด ควรหยุดใช้กัญชาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัดตามกำหนดเวลา

 

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงที่อาจได้รับจากการใช้กัญชา

ผลกระทบทางกายภาพ

• ปัญหาการหายใจ: ควันของกัญชาทำให้เกิดการระคายเคืองต่อปอด และผู้ที่สูบกัญชาบ่อยๆ อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจเช่นเดียวกับผู้สูบบุหรี่ ปัญหาเหล่านี้ ได้แก่ อาการไอและมีเสมหะ, โรคปอดและมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อในปอด นักวิจัยยังไม่ทราบว่าผู้สูบกัญชามีความเสี่ยงสูงสำหรับโรคมะเร็งปอดหรือไม่
• อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น: กัญชาช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจเป็นเวลา 3 ชั่วโมงหลังการสูบ ผลกระทบนี้อาจเพิ่มโอกาสของอาการหัวใจวาย ผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นโรคหัวใจอาจมีความเสี่ยงสูง

ผลกระทบทางจิต

การใช้กัญชาในระยะยาวอาจส่งผลกับความเจ็บป่วยทางจิตในผู้ใช้บางรายเช่น

• เกิดภาพหลอนชั่วคราว
• มีอาการหวาดระแวงชั่วคราว
• อาการแย่ลงในผู้ป่วยจิตเภท (โรคทางจิตที่รุนแรงที่มีอาการ เช่น อาการประสาทหลอน, ความหวาดระแวง, และความคิดที่ไม่เป็นระเบียบ)

การใช้กัญชายังเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ เช่นภาวะซึมเศร้า, ความวิตกกังวล และความคิดฆ่าตัวตายในหมู่วัยรุ่น

ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับผลข้างเคียงดังกล่าว และอาจมีผลข้างเคียงบางอย่างที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษาแพทย์

 

ปฏิกิริยาระหว่างยา

ปฏิกิริยาที่อาจได้รับจากการใช้กัญชา

กัญชาอาจมีปฏิกิริยากับยาหรือเงื่อนไขทางการแพทย์ในปัจจุบันของคุณ ควรปรึกษากับนักสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนการใช้งาน

ปฏิกิริยาระหว่างยาเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเมื่อใช้กัญชากับยาอื่น ๆ :

ยากล่อมประสาท (Barbiturates)

กัญชาอาจทำให้เกิดอาการง่วงนอนและวูบได้ ยาที่ก่อให้เกิดอาการง่วงนอนเรียกว่า sedatives (ยากล่อมประสาท) การใช้กัญชาและยากล่อมประสาทอาจทำให้ง่วงนอนมากเกินไป

ยากล่อมประสาท (CNS depressants)

กัญชาอาจทำให้เกิดอาการง่วงนอนและวูบได้ ยาที่ก่อให้เกิดอาการง่วงนอนเรียกว่า sedatives (ยากล่อมประสาท)  การใช้กัญชาและยากล่อมประสาทอาจทำให้ง่วงนอนมากเกินไป

ยากล่อมประสาทบางประเภท ได้แก่ clonazepam (Klonopin), lorazepam (Ativan), phenobarbital (Donnatal), zolpidem (Ambien) และอื่น ๆ

ทีโอฟิลลีน

การใช้กัญชาอาจลดผลของทีโอฟิลลีน (Theophylline) แต่ไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะทราบว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือไม่

ไดซัลฟิแรม (Antabuse)

Disulfiram (antabuse) อาจมีปฏิกิริยากับกัญชา การใช้กัญชาและไดซัลฟิแรมอาจทำให้เกิดอาการตื่นตระหนก, ปัญหาการนอนหลับ, และมีอาการหงุดหงิด

Fluoxetine (Prozac)

การใช้กัญชากับ fluoxetine (Prozac) อาจทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิด, กระวนกระวายใจ, ตื่นเต้น, เร้าใจ

 แพทย์เรียกว่าอาการไฮโปเมเนีย (hypomania)

วาร์ฟาริน (Coumadin)

การใช้กัญชาอาจเพิ่มผลกระทบของ warfarin (Coumadin) การใช้กัญชาในขณะที่ใช้ warfarin (Coumadin) อาจเพิ่มโอกาสที่จะเกิดการห้อเลือดและมีเลือดออก

นอกจากนี้ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีอาการดังต่อไปนี้:

• โรคตับ
• เลือดออกผิดปกติ
• โรคเบาหวาน
• ปัญหาน้ำตาลในเลือด
• โรคความดันโลหิต
• โรคหัวใจ
• ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
• โรคปอด
• อาการชัก

 

ขนาดยา

ข้อมูลที่ให้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาเสมอ

 

ขนาดยาปกติสำหรับการใช้กัญชา คือเท่าไร?

ปริมาณปกติของผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป)

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (โรคเซลล์ประสาท):

ปริมาณที่แนะนำคือ 10mg ของ THC รับประทานทุกวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์

การป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากเคมีบำบัด:

5mg / m2 ของ dronabinol รับประทาน 1-3 ชั่วโมงก่อนการบำบัดด้วยเคมี แล้วทุก 2-4 ชั่วโมงหลังจากการรักษาด้วยเคมีบำบัดสำหรับจำนวน 4-6 ครั้งต่อวัน

ใช้ nabilone ขนาด 2 มก. รับประทานในเวลากลางคืนก่อนการรักษาด้วยเคมีบำบัด 1-3 ชั่วโมงก่อนและหลังการรักษาด้วยเคมีบำบัด

ใช้ nabilone ขนาด 2-3 มิลลิกรัม 2-4 ครั้งต่อวัน

ใช้ nabilone ขนาด 3 มิลลิกรัม รับประทาน 3 ครั้งต่อวัน และในระยะเวลา 4 วัน ในช่วงการทำเคมีบำบัด 2 รอบ และรับประทาน Cannabinoids ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงดังต่อไปนี้

1-8 มก. ของ nabilone ทุกวัน หรือ 1-4 มก. ต่อวัน, 1 มิลลิกรัม 3-5 ครั้งต่อวัน หรือ 2 มก. 2-4 ครั้งต่อวันหรือ 24-50 mg. / m2 ของ dronabinol ทุกวันเป็น 10mg / m2 4-5 ครั้งต่อวัน, 12mg / m2 2 ครั้งต่อวันหรือ 15 มก. วันละสองครั้ง

ใช้ nabilone ขนาด 1 มิลลิกรัม รับประทาน 8-12 ชั่วโมงก่อนทำเคมีบำบัดตามมาด้วย 0.5-2mg ของ nabilone 2-3 ครั้งต่อวันหลังการให้เคมีบำบัดขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว

ใช้ยา 10mg / m2 ของ THC รับประทาน 2 ชั่วโมงก่อนและ 4, 8, 16, และ 24 ชั่วโมงหลังการรักษาด้วยเคมีบำบัด

Cannabinoids ถูกฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อในช่วง 24 ชั่วโมงในรูปแบบของ 0.5-1mg ของ levonantradol 3 ครั้งต่อวัน

โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (ผดผื่นคัน,ผื่นที่ผิวหนัง):

ใช้น้ำมันจากเมล็ด รับประทานเป็นเวลา 20 สัปดาห์

เพิ่มความอยากอาหารในผู้ป่วยมะเร็ง:

2.5 mg THC รับประทานร่วมกับ หรือไม่ร่วมกับ 1mg CBD เป็นเวลาหกสัปดาห์

อาการปวดเรื้อรัง:

รับประทานสาร canabinoids ในรูปแบบของแคปซูลหรือพ่นเข้าไปในปากโดย THC, benzopyranoperidine (BPP), CBD, nabilone, dronabinol หรือไนโตรเจน THC analogs (NIB) โดยมีขนาดยา 2.5-20 มิลลิกรัมเฉลี่ย 25 วัน

ใช้ยาจากกัญชาใช้เป็นเวลา 1-6 สัปดาห์  ใช้กรด Ajulemic เป็นเวลา 1 สัปดาห์

ใช้ nabilone 0.25-2 มก. ใช้ทุกวันเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์

ปริมาณกัญชาที่สูบ 1-9.4 เปอร์เซ็นต์ ถูกใช้เป็นเวลา 6 ชั่วโมงถึง 14 วัน กัญชาได้รับการสูบ 3-4 ครั้งต่อวันเป็นเวลาห้าวัน

ใช้ dronabinol 10-20 มก. ทุกวันเป็นเวลาหกชั่วโมงถึงหกสัปดาห์

ในผูป่วยโรคมะเร็งพบว่าใช้ delta-9-THC ขนาด 5-20 มิลลิกรัมต่อวัน โดยรับประทานเป็นประจำทุกวันโดยมีปริมาณดังต่อไปนี้ 2-8 mg nabilone ทุกวัน; 0.25-1mg ของ nabilone เป็นเวลาสี่สัปดาห์; 1-2 มิลลิกรัมของ nabilone วันละสองครั้งต่อปี; 1-2mg ของ nabilone สองครั้งในช่วงแปดชั่วโมง; และ 0.5 มิลลิลิตรของ nabilone วันละสองครั้งเป็นเวลาเจ็ดวัน ตามด้วย 2 มิลลิกรัมต่อวันเป็นเวลา 3 สัปดาห์

ใช้ Nabilone ขนาด 0.5-1 มิลลิกรัมสองครั้งต่อวัน

ใช้ THC จำนวน 10 mg โดยรับประทานเพิ่มเป็นปริมาณยาที่ได้รับการยอมรับให้ใช้สูงสุดเป็นเวลา 6 สัปดาห์ การฉีดพ่นในปากถูกใช้ในปริมาณที่แบ่งเป็น 2.5-120mg เป็นเวลาสองสัปดาห์

ปริมาณของSativex®ถูกพ่นเข้าไปในปาก ฉีดพ่นได้ถึง 48 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ จากนั้นฉีดพ่น 10-15 ครั้งต่อวันหรือฉีดพ่นสารเคมี 4-8 ครั้งโดยใช้เวลา 8 ครั้งเป็นปริมาณสูงสุดครั้งเดียวหรือภายในเวลา 3 ชั่วโมง

ปรับปรุงความอยากอาหารในผู้ป่วยโรคซิสติก ไฟโบรซิส (มีเมือกสะสมในอวัยวะ):

ใช้ dronabinol  2.5mg โดยรับประทานเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 10 มิลลิกรัมต่อวันเป็นเวลา 1-6 เดือน

ภาวะสมองเสื่อม:

ปริมาณที่แนะนำคือ dronabinol 2.5 มก. รับประทานวันละสองครั้งเป็นเวลา 6 สัปดาห์

โรคการกินผิดปกติ:

ปริมาณที่แนะนำคือ 7.5-30mg ของ THC รับประทานทุกวันเป็นเวลา 4 สัปดาห์

โรคลมชัก:

ปริมาณที่แนะนำคือ 200-300mg ของ CBD รับประทานทุกวันนานถึง 4.5 เดือน

ปัญหาการเคลื่อนไหวที่เกิดจากโรคฮันติงตัน:

ปริมาณที่แนะนำคือ 1 มิลลิกรัมของ nabilone รับประทานทุกวันเป็นเวลา 5 สัปดาห์ และใช้10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของCBD  รับประทานเป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์

ความผิดปกติด้านการนอนหลับ:

ปริมาณที่แนะนำคือ 40-160mg ของ CBD โดยการรับประทาน

โรคเอ็มเอส (MS) หรือ Multiple Sclerosis:

รับประทาน 2.5 mg dronabinol ทุกวัน และเพิ่มปริมาณขึ้นถึง 10 มิลลิกรัมต่อวันเป็นเวลาสามสัปดาห์

รับประทานยาแคปซูลสกัดจากกัญชา ขนาด 15-30 มิลลิกรัมโดยเพิ่มขึ้นเป็น 5 มิลลิกรัมตามความอดทนเป็นเวลา 14 วัน

รับประทานสารสกัดจากกัญชารวมทั้งCannador®เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์

รับประทานสารสกัดจากกัญชาที่มีส่วนผสมของ THC-CBD ขนาด 2.5-120 มก. ทุกวันเป็นเวลา 2-15 สัปดาห์

มีการใช้สเปรย์ฉีดปาก (Sativex®ที่ประกอบด้วย 2.7 mg THC และ 2.5 mg CBD ในขนาด 2.5-120 mg ในปริมาณที่แบ่งเป็นเวลานานถึงแปดสัปดาห์

มีการใช้สเปรย์แปดครั้งภายในระยะเวลา 24 ชม. โดยใช้สเปรย์ได้ถึง 48 ครั้งในระยะเวลา 24 ชั่วโมง Sativex®ได้รับการฉีดพ่นเข้าไปในปากเป็นเวลา 6-14 สัปดาห์

ใช้เป็นอาหารเสริม:

รับประทานน้ำมันจากกัญชา 15-30ml ทุกวัน

โรคจิตเภท:

รับประทาน 40-1,280mg ของ CBD ทุกวันจนถึง 4 สัปดาห์

กลุ่มอาการทูเร็ตต์ (Tourette syndrome)

รับประทานแคปซูลเจลาตินของ THC ปริมาณ 2.5-10 และรับประทาน THC ปริมาณ 2.5 mg เพิ่มขึ้นเป็น 10mg ทุกวันโดยทาน 2.5mg ในช่วงเวลาสี่วันเป็นเวลา 6 สัปดาห์

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์:

ใช้สเปรย์Sativex®จำนวน 6 ครั้ง ใช้ครั้งละ 30 นาทีก่อนนอนเป็นเวลา 5 สัปดาห์

ต้อหิน (เพิ่มความดันตา):

ใช้ THC 5mg ไว้ใต้ลิ้น หรือใช้CBD ขนาดยา 20-40 มิลลิกรัมวางไว้ใต้ลิ้น อย่างไรก็ตาม ขนาดยา40mg  ทำให้ความดันที่ตาเพิ่มขึ้น

 

กัญชาสามารถพบได้ในรูปแบบใด?

กัญชาอาจหาได้ในรูปแบบต่อไปนี้:

• แคปซูล 5 mg
• แคปซูลเจลาติน
• ยาพ่นปาก

Marijuana. https://www.drugabuse.gov/publications/drugfacts/Marijuana. Accessed November 21, 2016

Marijuana. http://easyhealthoptions.com/Marijuana-herbal-medicine/. Accessed November 21, 2016

Marijuana. http://www.home-remedies-for-you.com/herbs/cannabis-herb-benefits.html. Accessed November 21, 2016

Marijuana. https://www.drugs.com/npp/Marijuana.html. Accessed November 21, 2016

Marijuana. http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-947- Marijuana. Marijuana.aspx?activeingredientid=947&activeingredientname=Marijuana. Accessed November 21, 2016

Marijuana. http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/Marijuana/safety/hrb-20059701. Accessed November 21, 2016

24/02/2018

บทความที่เกี่ยวข้อง