การใช้
ข้าวยีสต์แดงใช้ทำอะไร
ข้าวยีสต์แดเงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารข้าวหมักจากจุลินทรีย์ สกุล โมแนสคัส เพอเพียวริอุส
ยีสต์แดงใช้รักษาอาการต่อไปนี้:
- รักษาระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย
- ลดระดับคอเลสเตอรอลในผู้ที่มีภาวะคอเลสเตอรอลสูง
- ระบบการย่อยอาหารไม่ดี
- รักษาอาการท้องร่วง
- ปรับปรุงระบบไหลเวียนโลหิต
- ช่วยในการของม้ามและกระเพาะอาหาร
ยีสต์แดงสามารถใช้เป็นสีสันในเมนูเป็ดปักกิ่ง
ผลที่ได้
เนื่องจากยังมีการศึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนี้ไม่มากพอ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์ อย่างไรก็ดี มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ยีสต์แดงมีสารคล้ายกับยาสแตติน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
ข้อควรระวังและคำเตือนการใช้
สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้ยีสต์แดง
ควรปรึกษาหรือพบกับแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพร ถ้าอยู่ในอาการหรือลักษณะดังต่อไปนี้:
- หญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในระหว่างการมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรจึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- อยู่ในระหว่างรับประทานยาชนิดอื่น รวมไปถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา
- หากเคยมีประวัติแพ้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งของยีสต์แดงหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ
- หากมีอาการเจ็บป่วย ความผิดปกติ หรือสภาพทางการแพทย์อื่นๆ
- หากเคยมีประวัติการแพ้ต่างๆ แพ้อาหาร แพ้สีผสมอาหาร แพ้สารกันบูด หรือแพ้เนื้อสัตว์
กฎระเบียบสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่ายาชนิดอื่นๆ จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องศึกษาให้มากเพื่อความปลอดภัยในการใช้ คุณประโยชน์ของการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรนี้ต้องมีมากกว่าความเสี่ยงก่อนการใช้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาแพทย์
ยีสต์แดงปลอดภัยหรือไม่
ยีสต์แดงปลอดภัยสำหรับการรับประทานติดต่อกันเป็นเวลากว่า 4 ปี
ยีสต์แดงที่ได้รับการหมักไม่ถูกวิธีอาจทำให้มีสารซิตรินิน ซึ่งอาจเป็นพิษต่อไต
ข้อควรระวังและคำเตือนการใช้โดยเฉพาะ
หญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร: ยีสต์แดงไม่ปลอดภัยสำหรับการรับประทานในระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจมีอันตรายต่อครรภ์ และยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้ยีสต์แดงในระหว่างให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานหากอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
โรคตับ: ยีสต์แดงมีสารที่คล้ายกับสารสแตตินหรือโลวาสแตติน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตับได้ งานวิจัยบางชิ้นกล่าวว่ายีสต์แดงอาจเป็นอันตรายต่อตับ แต่ได้มีบางงานวิจัยแย้งว่ายีสต์แดงสามารถช่วยปรับปรุงระบบการทำงานในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับได้ อย่างไรก็ตาม ควรใช้ยีสต์แดงงอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการข้างต้น
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยีสต์แดง
ยีสต์แดงมีสารที่คล้ายกับสารสแตตินหรือโลวาสแตติน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตับ และอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ
อาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงเมื่อรับประทานยีสต์แดง
จากอาการผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีผลข้างเคียง หากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา ควรปรึกษาแพทย์
ปฏิกิริยาระหว่างกันของยา
ปฏิกิริยาที่จะได้รับเมื่อใช้ยาอื่นควบคู่กับยีสต์แดง
ยีสต์แดงอาจมีปฏิกิริยากับยาที่ใช้อยู่ควบคู่กัน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้
ผลิตภัณฑ์ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยีสต์แดง:
- แอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์อาจเป็นอันตรายต่อตับ ยีสต์แดงอาจส่งผลกระทบต่อตับเช่นกัน เมื่อใช้ร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงอันตรายให้แก่ตับได้ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานร่วมกัน
- ยาไซโคลสปอริน (นีโอรอล)
ยีสต์แดงอาจส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อ ยาไซโคลสปอริน (นีโอรอล) อาจส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อเช่นกัน เมื่อรับประทานร่วมกันอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง
- ยาเจมไฟโบรซิล (โลปิด)
ยาเจมไฟโบรซิล (โลปิด) อาจมีผลต่อกล้ามเนื้อ ยีสต์แดงมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน เมื่อรับประทานร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงแก่กล้ามเนื้อ
- ยาที่เป็นอันตรายต่อตับ (โรคพิษต่อตับ)
ยีสต์แดงประกอบไปด้วยสารสแตตินหรือโลวาสแตติน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อตับ เมื่อใช้ร่วมกับยาอื่นที่เป็นอันตรายต่อตับอาจเพิ่มความเสี่ยงแก่ตับ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานร่วมกัน
ยาที่เป็นอันตรายต่อตับ เช่น อะเซตามิโนเฟ่น อะมิโอดาโรน คาร์บามาเซฟีน ไอโซไนอาซิด เมโธเทกเซท เมทิลโดปา ฟลูโคนาโซล ไอทราโคลนาโซล อิริโทรมัยซิน เฟนิโทอิน โลวาสแตติน พราวาสแตติน ซิมวาสแตติน และอื่นๆ
- ยายับยั้งเอ็นไซม์ (CYP3A4)
ตัวยา หรือสารที่ทำหน้าที่ยับยั้งเอ็นไซม์ CYP3A4 เรียกว่า เป็น CYP3A4 inhibitor เมื่อเอ็นไซม์ท างาน ได้น้อยลง ผลที่เกิดจะท าให้ระดับของยาในกระแสเลือด “เพิ่ม” ขึ้น เพราะเอ็นไซม์ถูกสกัดกั้นไม่ให้ทำงาน
ยาบางชนิดอาจลดปริมาณการทำลายตับจากยีสต์แดงได้อย่างรวดเร็ว เมื่อรับประทานร่วมกันอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ถ้ามีอาการข้างต้น
ยาบางชนิดอาจลดปริมาณการทำลายตับจากยีสต์แดงได้อย่างรวดเร็ว เช่น อะมีโอดาโรน คาร์ริโธมัยซิน ดิลไทอะซิม อิริโทรมัยซิน อินดินาเวียร์ ริโทนาเวียร์ ซาควินาเวียร์ และอื่นๆ
- ยาลดระดับคอเลสเตอรอล (สแตติน)
ยีสต์แดงมีประสิทธิภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล เมื่อรับประทานร่วมกับยาสแตตินอาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่ออาการไม่พึงประสงค์ ไม่ควรรับประทานยีสต์แดงหลังจากรับประทานยาลดระดับคอเลสเตอรอล
ยาลดระดับคอเลสเตอรอล เช่น เซริวาสแตติน อะทอร์วาสแตติน โลวาสแตติน พราวาสแตติน ซิมวาสแตติน และอื่นๆ
- ไนอะซิน
ไนอะซินอาจมีผลต่อกล้ามเนื้อ ยีสต์แดงก็มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน เมื่อรับประทานร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงของปัญหากล้ามเนื้อ
ขนาดยา
ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดปกติของการใช้ยีสต์แดงอยู่ที่เท่าไร
ข้อมูลต่อไปนี้คือผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์:
การรับประทาน:
สำหรับการรักษาภาวะคอเลสเตอรอลสูง: รับประทานยีสต์แดง 1,200 – 2,400 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวัน
เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารสแตติน เท่านั้นที่มีเอกสารกำกับยาว่า ใช้เพื่อลดระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งมีผลายผลิตภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วยสารโลวาสแตตินปริมาณ 5-10
ภาวะคอเลสเตอรอลสูงเนื่องจากการติดเชื้อเอชไอวี: รับประทานยีสต์แดงปริมาณ 1,200 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวัน
ปริมาณการใช้ยีสต์แดงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ป่วย ซึ่งปริมาณยาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับช่วงอายุ สุขภาพ และปัจจัยอื่นๆ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอาจไม่ปลอดภัยเสมอไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปริมาณยาที่เหมาะสมสำหรับการรับประทาน
ยีสต์แดงมีจำหน่ายในรูปแบบใดบ้าง
ยีสต์แดงอาจมีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้:
- แคปซูลสารสหัดจากยีสต์แดง
Red yeast rice. http://www.webmd.com/drugs/2/drug-156442/red-yeast-rice-oral/details#images. Accessed April, 06, 2017.
Red yeast rice. http://www.umm.edu/health/medical/altmed/supplement/red-yeast-rice. Accessed April, 06, 2017.
Red yeast rice. http://www.medicinenet.com/red_yeast_rice_and_cholesterol/article.htm. Accessed April, 06, 2017.