เกลือคือสสารที่ทั้งมีประโยชน์ และให้โทษกับสุขภาพของคุณ มันจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งป้องกันโรคคอพอก ถ้าคุณใช้เกลือในประมาณที่เหมาะสมในแต่ละมื้ออาหาร ในทางกลับกัน ถ้าคุณรับประทานเกลือมากเกินไป มันจะเพิ่มขึ้น 6 กรัม ต่อวัน เป็นระยะเวลานานมันจะนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง เพื่อปกป้องคุณและครอบครัวของคุณ บทความนี้จะบอก 5 เคล็ดลับเพื่อลดปริมาณการรับประทานเกลือ
- ใช้ส่วนประกอบสดใหม่
นักโภชนาการแนะนำให้ใช้ส่วนประกอบที่สดใหม่ ดีกว่าใช้ส่วนประกอบที่อยู่ในแพ็ค หรืออาหารกระป๋อง ในขณะนี้อาหารสำเร็จรูปนั้นมีส่วนประกอบของเกลืออยู่มาก ของสดใหม่นั้นมีประมาณโซเดียมอยู่น้อยอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น เนื้อไก่สด เนื้อวัว หรือเนื้อหมู นั้นมีโซเดียมอยู่น้อยกว่าโซเดียมที่มีอยู่ในแฮมและเบคอน เพราะโซเดียมที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากกระบวนการแปรรูปอาหาร อีกทั้ง ผลไม้สด และผัก ยังมีประมาณโซเดียมอยู่น้อยด้วยเช่นกัน อีกอย่างหนึ่งที่คุณควรตระหนักถึงคือโซเดียมที่มีอยู่ในอาหารที่สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นั้นต้องมีโซเดียมอยู่เยอะเพี่อทำให้สามารถเก็บไว้ได้นานหลายวัน หรือหลายอาทิตย์ หรืออาจจะเป็นปี
- เริ่มอ่านฉลากอาหาร
มันสำคัญมากที่จะเริ่มต้นนิสัยการอ่านฉลากอาหารเมื่อคุณซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อตรวจสอบส่วนประกอบที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ โซเดียมที่ผสมอยู่จะถูกระบุเอาไว้ที่ฉลากเสมอ ดังนั้นคุณสามารถเปรียบเทียบแต่ละยี่ห้อเพื่อหาผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมผสมอยู่น้อยที่สุด เมื่อคุณซื้อผักแช่แข็ง คุณควรเลือกผักที่มีฉลาก “แช่แข็งสด” เพราะว่าจะมีโซเดียมต่ำเช่นกัน ถ้าคุณต้องการให้อาหารของคุณนั้นน่ารับประทานยิ่งขึ้นโดยใช้เครื่องเทศ ให้มองหาเครื่องเทศที่ไม่มีเกลือผสมอยู่เยอะ ตัวอย่างเช่น แทนที่จะใช้เกลือกระเทียม คุณก็สามารถเลือกใช้กระเทียมผงแทนได้
- เปลี่ยนแปลงวิธีการทำอาหารประจำวัน
หลังจาก 2 หรือ 3 สัปดาห์ของการลดการรับประทานเกลือ คุณจะเริ่มรู้รสชาติที่แท้จริง และรสชาติของส่วนประกอบของอาหารโดยธรรมชาติ นอกจากจะเลือกส่วนประกอบที่สดใหม่สำหรับทำอาหารแล้ว คุณควรหลีกเลี่ยงการเติมเกลือลงในอาหารด้วย ให้ใช้เครื่องเทศอย่างอื่นแทนสำหรับการปรุงอาหารก็เป็นตัวเลือกที่ดี กระเทียม ขิง มะนาว ไวน์ อบเชย พริก และอื่น ๆ จะช่วยกระตุ้นประสาทรับรู้รสได้เมื่อรับประทานเกลือน้อยลงในแต่ละมื้อ ซอส ซอสมะเขือเทศ น้ำตาลทรายแดง และน้ำสลัด ก็จำเป็นต้องลดลงด้วยเช่นกัน เพราะของเหล่านี้ก็อาจมีส่วนผสมของโซเดียมอยู่เยอะเช่นกัน อีกทั้งยังควรจำไว้ว่าการชมรสของอาหารก่อนที่จะปรุงรสเพิ่ม เพื่อให้คงรสชาติของอาหารตามธรรมชาติไว้ได้มากที่สุด
- รู้สิ่งที่คุณรับประทาน
ทำตามเคล็ดลับด้านล่างเหล่านี้เกี่ยวกับอาหาร เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกอาหารที่ดีที่สุด
อาหารที่มีโซเดียมอยู่เยอะ
- อาหารขยะ เช่น ชีสแซนวิช พิซซ่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แฮมเบอร์เกอร์
- เนื้อแปรรูป เช่น พาสเต้ แฮม เบคอน แกมมอน เนื้อกระป๋อง
- ไขมัน เช่น เนย เนยกี น้ำมันหมู
- ขนมขบเคี้ยว เช่น ป๊อปคอน มันฝรั่งทอดรสเค็ม
อาหารที่มีโซเดียมต่ำ
- อาหารเช้าบางประเภทที่ไม่เติมเกลือ เช่น คูสคูส บัลเกอร์วีท กีนัว ย๊อคคี
- เนื้อสด เนื้อไร้ไขมัน และเนื้อขาว และปลาไขมันสูง เนื้อบท และเต้าหู้
- น้ำมันบางชนิด เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันเรพซีด น้ำมันคาโนล่า น้ำมันถั่ว น้ำมันทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด
- ขนมขบเคี้ยวที่ไม่มีเกลือ เช่น เค้กข้าว ถั่วไม่โรยเกลือ และเมล็ดพืช
- ผลไม้สด แช่แข็ง และตกแห้ง ผักและถั่วพัลส์ ก็จำเป็นในการลดการรับประทานเกลือ
- ระวังเวลารับประทานอาหารนอกบ้าน
เมื่อคุณออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน คุณสามารถควบคุมปริมาณของเกลือในอาหารได้เช่นกัน ควรทำการหาข้อมูลของร้านอาหารที่ใช้เกลือในการปรุงอาหารน้อยในแต่ละจานบนเวปไซต์ ในกรณีที่คุณรู้ร้านอาหารแล้ว และกำลังจะสั่งอาหาร คุณต้องตรวจสอบอย่างระวังในเมนู หรือคุณสั่งอาหารที่ไม่มีเกลือเป็นส่วนผสมก็ได้ “ตัวเลือกสุขภาพ” ส่วนมากจะมีส่วนประกอบที่มีรสเค็ม เช่น ครูตองซ์ มะกอก ชีส น้ำสลัด เนื้อดอง/ผักดอง เนื้อ เช่น แฮม เบคอน แซลมอนรมควัน คุณสามารถขอให้เสริฟน้ำสลัดแยกต่างหากได้ เพื่อที่คุณจะได้เทลงในอาหารของคุณตามประมาณที่ต้องการ
ทีนี้คุณก็เข้าใจเกี่ยวกับการลดประมาณของเกลือลง และผลกระทบของมันเป็นอย่างดีแล้วใช่มั้ย งั้นก็ลงมือเลย